คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2211/2529

แหล่งที่มา : สำนักงาน ส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งไม่ใช่โทษอาญามิอาจนำมาเป็นหลักพิจารณาว่าคดีอยู่ในอำนาจศาลแขวงหรือไม่ที่จำเลยอ้างว่ามีผลเสมอโทษประหารชีวิตนั้นการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นเพียงการเพิกถอนสิทธิในทางแพ่งเพิ่มเติมจากโทษในทางอาญาจะนำมาเปรียบเทียบกับโทษทางอาญามิได้ โจทก์บรรยายฟ้องว่าทางจังหวัดได้ประกาศผลการเลือกตั้งเมื่อวันที่22เมษายน2522แต่จำเลยไม่ยื่นรายการค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเลือกตั้งให้ถูกต้องตามความเป็นจริงต่อผู้ว่าราชการจังหวัดภายในวันที่22กรกฎาคม2522เวลากลางวันอันเป็นวันครบกำหนดสามเดือนดังนี้ฟ้องของโจทก์มีข้อความชัดเจนพอที่จะทำให้จำเลยเข้าใจในข้อหาได้ดีว่าจำเลยไม่ยื่นรายการค่าใช้จ่ายในระหว่างตั้งแต่วันที่22เมษายน2522เวลากลางวันจนถึงวันที่22กรกฎาคม2522เวลากลางวันนั่นเอง.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้สมัครรับเลือกตั้ง แต่ไม่ยื่นรายการค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเลือกตั้งให้ถูกต้องตามความเป็นจริงต่อผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ภายในวันที่ 22 กรกฎาคม 2522เวลากลางวัน อันเป็นวันครบกำหนดสามเดือน ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522มาตรา 34, 87 และขอให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของจำเลยด้วย
จำเลยให้การว่า ศาลแขวงไม่มีอำนาจพิจารณาพิพากษา คำฟ้องเคลือบคคลุมจำเลยยื่นบัญชีค่าใช้จ่ายแล้วแต่ยื่นเกินกำหนดเวลาเนื่องจากจำเลยป่วยหนักอันเป็นเหตุสุดวิสัย
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้อง ลงโทษจำคุก1 เดือนปรับ 1,500 บาท คำให้การของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง ลดโทษ 1 ใน 3 คงจำคุก 20 วัน ปรับ 1,000 บาท จำเลยเป็นสมาชิกสภากผู้แทนราษฎรได้ประกอบคุณงามความดีเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง ประกอบกับโทษจำคุกที่ได้รับมีเพียงเล็กน้อยและไม่ปรากฎว่าจำเลยเคยต้องโทษจำคุกมาก่อน จึงให้ยกโทษจำคุกของจำเลยคงปรับสถานเดียว กับให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของจำเลยมีกำหนด 5 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาเฉพาะประเด็นเรื่องอำนาจศาลและเรื่องฟ้องเคลือบคลุมหรือไม่ ส่วนประเด็นที่ว่าจำเลยมีเจตนาหรือไม่เป็นปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามฎีกาจึงไม่รับ จำเลยอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลฎีกา ศาลฎีกามีคำสั่งยกคำร้อง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ในปัญหาว่า ศาลชั้นต้นซึ่งเป็นศาลแขวงมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีนี้หรือไม่ โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดฐานไม่ยื่นรายการค่าใช้จ่ายต่อผู้ว่าราชการจังหวัดภายในกำหนดตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522มาตรา 34 ซึ่งมาตรา 87 บัญญัติว่า ผู้กระทำผิดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินห้าพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับและให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนดห้าปีเห็นว่า คดีนี้เป็นคดีอาญาซึ่งอัตราโทษจำคุกและโทษปรับอยู่ในอำนาจศาลแขวงที่จะพิจารณาพิพากษา ส่วนการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งไม่ใช่โทษอาญาที่จะนำมาเป็นหลักพิจารณาว่าคดีอยู่ในอำนาจศาลแขวงหรือไม่ ที่จำเลยฎีกาอ้างว่าการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีผลทำให้จำเลยสมัครรับเลือกตั้งผู้แทนราษฎรไม่ได้ อันมีผลเสมอโทษประหารชีวิตนั้น เห็นว่าการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นเพียงการเพิกถอนสิทธิในทางแพ่งเพิ่มเติมจากโทษในทางอาญาจะนำมาเปรียบเทียบกับโทษอาญามิได้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าศาลชั้นต้นมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีนี้ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย
ส่วนปัญหาว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่ จำเลยฎีกาว่าฟ้องโจทก์มิได้ระบุวันเวลาที่จำเลยกระทำผิดให้ชัดเจน พิเคราะห์แล้ว โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยได้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในเขตจังหวัดขอนแก่น ในเขตเลือกตั้งที่ 1 หมายเลข 12และทางจังหวัดได้ประกาศผลการเลือกตั้งแล้ว เมื่อวันที่ 22เมษายน 2522 แต่จำเลยได้บังอาจไม่ยื่นรายการค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเลือกตั้งให้ถูกต้องตามความเป็นจริงต่อผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ภายในวันที่ 22 กรกฎาคม 2522 เวลากลางวัน อันเป็นวันครบกำหนดสามเดือน ดังนี้ ฟ้องของโจทก์มีข้อความชัดเจนพอที่จะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีว่า จำเลยไม่ยื่นรายการค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเลือกตั้งให้ถูกต้องตามความเป็นจริงต่อผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นในระหว่างตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน 2522 เวลากลางวันจนถึงวันที่ 22 กรกฎาคม 2522 เวลากลางวัน นั่นเอง ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุมศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าเป็นคำฟ้องที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาจำเลยทุข้อฟังไม่ขึ้น”
พิพากษา.

Share