คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 213/2529

แหล่งที่มา : สำนักงาน ส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ในวันนัดสืบพยานจำเลยครั้งแรกซึ่งจำเลยมีหน้าที่นำสืบก่อนทนายจำเลยยื่นคำร้องว่าจำเลยเดินทางไปทำธุรกิจที่จังหวัดเลยแล้วป่วยกะทันหันไม่สามารถเดินทางมาศาลได้ ขอเลื่อนคดีโจทก์แถลงคัดค้านว่าจำเลยประวิงคดีและไม่มีพยานมาสืบโจทก์มิได้คัดค้านโดยตรงว่าจำเลยมิได้ป่วยทั้งมิได้คัดค้านว่าคำร้องของจำเลยไม่เป็นความจริงฟังได้ว่าจำเลยป่วยมีอาการท้องเดินและอ่อนเพลียมาศาลไม่ได้จริงนับว่าจำเลยมีเหตุจำเป็นในการขอเลื่อนคดีพยานจำเลยตามบัญชีพยานปรากฏว่านอกจากจำเลยอ้างตนเองแล้วมีส. อีกเพียงคนเดียวแม้ส. เป็นพยานซึ่งจำเลยมีหน้าที่นำมาเบิกความต่อศาลแต่จำเลยไม่นำมาก็ได้ความว่าในวันนั้นส. อยู่ที่จังหวัดเลยเช่นเดียวกันเมื่อคำนึงถึงเหตุที่จำเลยป่วยประกอบด้วยแล้วการที่จำเลยไม่นำส.มาเบิกความยังถือไม่ได้ว่าจำเลยประวิงคดีและไม่มีพยานมาสืบนอกจากนี้หากพิเคราะห์ถึงพฤติการณ์ในเนื้อหาของคดีประกอบกับประโยชน์แห่งความยุติธรรมด้วย กรณีมีเหตุสมควรให้จำเลยเลื่อนคดี.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาบังคับให้จำเลยชำระหนี้ตามเช็คจำนวน 245,000 บาท พร้อมทั้งดอกเบี้ยให้โจทก์
จำเลยให้การว่าไม่เคยยืมเงินและออกเช็คชำระหนี้เงินยืมแก่โจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ในวันนัดสืบพยานจำเลยซึ่งมีหน้าที่นำสืบก่อน ทนายจำเลยมอบฉันทะให้เสมียนทนายนำคำร้องมายื่นอ้างว่าจำเลยป่ายกะทันหันอยู่ที่จังหวัดเลยไม่สามารถเดินทางมาศาลได้ขอเลื่อนคดี โจทก์แถลงคัดค้านว่าจำเลยประวิงคดีและไม่มีพยานมาสืบ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าแม้จำเลยป่วยแต่พยานอื่นของจำเลยก็ไม่มาศาล พฤติการณ์ของจำเลยเป็นการประวิงคดี ไม่อนุญาตให้เลื่อนคดี และถือว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบ ให้สืบพยานโจทก์ต่อไป ครั้นถึงวันนัดสืบพยานโจทก์จำเลยยื่นคำร้องโต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้น ขอให้อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีและสืบพยานจำเลย ศาลชั้นต้นสั่งว่าไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม ศาลชั้นต้นทำการสืบพยานโจทก์แล้วพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้ให้โจทก์ตามฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการสืบพยาน โจทก์จำเลยแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาว่ามีเหตุสมควรให้จำเลยเลื่อนคดีตามคำร้องหรือไม่ เห็นว่า ในวันนัดสืบพยานจำเลยครั้งแรกซึ่งจำเลยมีหน้าที่นำสืบก่อน ทนายจำเลยยื่นคำร้องว่าจำเลยเดินทางไปทำธุรกิจที่จังหวัดเลยแล้วป่วยกะทันหันไม่สามารถเดินทางมาศาลได้ขอเลื่อนคดี โจทก์แถลงคัดค้านว่าจำเลยประวิงคดีและไม่มีพยานมาสืบ โจทก์มิได้คัดค้านโดยตรงว่าจำเลยมิได้ป่วย ทั้งมิได้คัดค้านว่าคำร้องของจำเลยไม่เป็นความจริง อย่างไรก็ตาม ต่อมาทนายจำเลยก็ยื่นใบรับรองของแพทย์ซึ่งประจำโรงพยาบาลจังหวัดเลยต่อศาล ตามใบรับรองของแพทย์ ปรากฏว่าจำเลยป่วยมีอาการท้องเดินอ่อนเพลีย ให้นอนพักที่บ้านและให้ยา ดังนี้จึงเชื่อได้ว่าจำเลยป่วยมีอาการท้องเดินและอ่อนเพลียมาศาลไม่ได้จริง นับว่าจำเลยมีเหตุจำเป็นในการขอเลื่อนคดี ส่วนพยานจำเลยตามบัญชีพยานปรากฏว่านอกจากจำเลยอ้างตนเองแล้วมีแต่นายสมพงษ์ คุ้มแถว อีกเพียงคนเดียวแม้นายสมพงษ์ คุ้มแถว เป็นพยานซึ่งจำเลยมีหน้าที่นำมาเบิกความต่อศาลแต่จำเลยไม่นำมา ก็ได้ความว่าในวันนั้นนายสมพงษ์พยานจำเลยอยู่ที่จังหวัดเลยเช่นเดียวกัน เมื่อคำนึงถึงเหตุที่จำเลยป่วยประกอบด้วยแล้ว การที่จำเลยไม่นำนายสมพงษ์มาเบิกความยังถือไม่ได้ว่า จำเลยประวิงคดีและไม่มีพยานมาสืบ นอกจากนี้หากพิเคราะห์ถึงพฤติการณ์ในเนื้อหาของคดีประกอบกับประโยชน์แห่งความยุติธรรมด้วย ศาลฎีกาเห็นพ้องกับคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ว่ามีเหตุสมควรให้จำเลยเลื่อนคดีตามคำร้อง และยังถือไม่ได้ว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบในวันนัดนั้น ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบด้วยรูปคดีแล้ว
พิพากษายืน.

Share