คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2207/2533

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การที่ทนายโจทก์ได้ รับ ชำระหนี้จากจำเลยนอกศาลโดย ไม่ปรากฏ หลักฐานว่าโจทก์ได้ มอบอำนาจให้ทนายโจทก์รับเงินนั้นแทน ย่อมไม่ผูกพันโจทก์ เพราะทนายโจทก์ในฐานะ ทนายความไม่มีอำนาจรับเงินนอกศาลแทนโจทก์ซึ่ง เป็นตัวความ การที่จำเลยชำระหนี้ให้แก่ทนายโจทก์ เท่ากับเป็นการชำระหนี้ให้แก่บุคคลผู้ไม่มีอำนาจระงับหนี้ได้เมื่อโจทก์ไม่ได้ให้สัตยาบันในการกระทำดังกล่าวของทนายโจทก์ การชำระหนี้ของจำเลย จึงไม่ชอบด้วย ป.พ.พ. มาตรา 315 ดังนี้ ถือ ไม่ ได้ว่าจำเลยได้ ชำระหนี้แก่โจทก์ตาม กฎหมายแล้ว.

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองชำระเงินค่าเสียหายให้แก่โจทก์ทั้งห้า จำเลยทั้งสองไม่ชำระโจทก์จึงนำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดรถยนต์โดยสารของจำเลยที่ 2เพื่อบังคับชำระหนี้ตามคำพิพากษาให้แก่โจทก์ วันที่ 7 พฤษภาคม 2530จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องว่า จำเลยที่ 2 ได้ชำระหนี้ตามคำพิพากษาให้แก่โจทก์ โดยสั่งจ่ายเป็นเช็คมอบให้แก่นายสมนึก ศรฤทธิ์ชิงชัยทนายโจทก์ไปและทนายโจทก์ได้รับเงินตามเช็คไปแล้ว ขอให้ระงับการขายทอดตลาดทรัพย์สินที่ยึดไว้ก่อน ต่อมาจำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นถอนการยึดรถยนต์โดยสาร โดยบุคคลภายนอกได้นำที่ดินโฉนดเลขที่ 6706 ตำบลลาดยาว อำเภอบางซื่อ กรุงเทพมหานครมาทำสัญญาประกันต่อศาล โจทก์ไม่ค้าน ศาลชั้นต้นอนุญาต แต่โจทก์แถลงว่ายังมิได้รับชำระหนี้ตามคำพิพากษาจากจำเลย และไม่เคยมอบอำนาจให้นายสมนึกทนายโจทก์ไปรับเงินจากจำเลย นายสมนึกไม่เคยนำเงินจากจำเลยมามอบให้โจทก์เลย จำเลยที่ 2 ขอให้ศาลชั้นต้นหมายเรียกนายสมนึกมาสอบถาม วันที่ 28 กันยายน 2530นายสมนึกมาศาลแถลงว่าได้รับชำระหนี้ตามคำพิพากษาจากจำเลยที่ 2มาแล้วเป็นเช็คและนายสมนึกได้รับเงินตามเช็คนั้นแล้ว แต่ยังมิได้นำเงินไปชำระให้โจทก์ โจทก์แถลงยืนยันว่าไม่เคยมอบอำนาจให้นายสมนึกไปรับเงินจากจำเลย นายสมนึกรับว่าจะนำเงินมาชำระให้โจทก์ภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2530 ศาลชั้นต้นสั่งนัดพร้อมวันที่1 ธันวาคม 2530 เวลา 9 นาฬิกา ครั้นถึงวันนัด นายสมนึกมาศาลแถลงว่ายังหาเงินมาชำระให้โจทก์ไม่ได้ ขอขยายเวลาไป โจทก์ไม่ตกลงขอให้ศาลดำเนินการบังคับคดีต่อไป ทนายจำเลยที่ 2 แถลงว่าเนื่องจากจำเลยที่ 2 ได้ชำระหนี้ให้แก่นายสมนึกแล้ว โดยมีหลักฐานใบมอบฉันทะจากโจทก์ถูกต้อง แต่หนังสือมอบฉันทะได้สูญหายไปขอคัดค้านการที่โจทก์ขอให้บังคับคดี ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าเนื่องจากโจทก์ไม่ยอมรับข้อเสนอของนายสมนึก จึงให้มีหนังสือแจ้งเจ้าพนักงานบังคับคดีให้ดำเนินการบังคับคดีต่อไป
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยที่ 2 ฎีกาว่า การที่จำเลยที่ 2ได้ชำระหนี้ตามคำพิพากษาให้แก่นายสมนึก ศรฤทธิ์ชิงชัย ทนายโจทก์แล้ว ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 ได้ปฏิบัติการชำระหนี้ต่อบุคคลที่มีอำนาจชำระหนี้ถูกต้องแล้ว จำเลยที่ 2 ไม่ต้องรับผิดชำระหนี้ให้โจทก์อีกนั้น เห็นว่า การที่ทนายโจทก์ได้รับชำระหนี้จากจำเลยที่ 2นอกศาล โดยไม่ปรากฏหลักฐานว่าโจทก์ได้มอบอำนาจให้ทนายโจทก์รับเงินนั้นแทน ย่อมไม่ผูกพันโจทก์ เพราะทนายโจทก์ในฐานะทนายความไม่มีอำนาจรับเงินนอกศาลแทนโจทก์ซึ่งเป็นตัวความ การที่จำเลยที่ 2ชำระหนี้ให้แก่ทนายโจทก์เท่ากับเป็นการชำระหนี้ให้แก่บุคคลผู้ไม่มีอำนาจรับชำระหนี้ได้ เมื่อโจทก์ไม่ได้ให้สัตยาบันในการกระทำดังกล่าวของทนายโจทก์ การชำระหนี้ของจำเลยที่ 2 จึงไม่ชอบด้วยบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 315 จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 ได้ชำระหนี้แก่โจทก์ตามกฎหมายแล้ว โจทก์ชอบที่จะบังคับคดีกับจำเลยที่ 2 ต่อไปได้…”
พิพากษายืน.

Share