แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์เพื่อโต้แย้งคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่พิพากษาลงโทษจำเลยในการกระทำอันเป็นความผิด ของจำเลยว่าเป็นกรรมเดียวหรือหลายกรรมต่างกัน ซึ่งเป็นปัญหา ข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยแม้จำเลยให้การ รับสารภาพในศาลชั้นต้นก็ตาม แต่เมื่อจำเลยมีสิทธิอุทธรณ์ ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง การที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยจึงเป็นการไม่ชอบและเมื่อ ศาลฎีกาเห็นว่าไม่จำเป็นต้องส่งสำนวนให้ศาลอุทธรณ์พิจารณา พิพากษาใหม่ศาลฎีกาย่อมวินิจฉัย ในปัญหานี้ไปเสียเลย การที่จำเลยถูกเจ้าพนักงานตำรวจตรวจดูหลักฐานเพราะมี พฤติการณ์เป็นที่น่าสงสัยเนื่องจากแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ ไม่ใช่ทะเบียนที่ทางราชการออกให้ โดยตรวจพบว่าแผ่นป้าย ทะเบียนรถยนต์ แผ่นป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีเป็นเอกสาร ที่ทำปลอมขึ้น การกระทำของจำเลยทั้งหมดคือ การปลอมใช้และ อ้างแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ปลอม แผ่นป้ายวงกลมแสดงการเสีย ภาษีปลอมเป็นความผิดกรรมเดียวเพราะเป็นเอกสารและหลักฐาน ที่ติดอยู่ที่รถยนต์คันเดียวกันและตามฟ้องของโจทก์ก็ปรากฏ ว่าจำเลยแสดงเอกสารดังกล่าวต่อเจ้าพนักงานตำรวจในเวลาเดียวกัน ซึ่งตามพฤติการณ์เห็นได้ว่า จำเลยมีเจตนาอย่างเดียวกันคือ เพื่อให้เจ้าพนักงานตำรวจเห็นว่ารถยนต์คันดังกล่าวเป็น รถยนต์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย การกระทำของจำเลยในจึงเป็นกรรมเดียวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 สำหรับข้อหาใช้หรืออ้างแผ่นป้ายแสดงการประกันภัย คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถปลอม ใช้หรืออ้างใบอนุญาต ขับรถยนต์ปลอม และใช้หรืออ้างใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน (แบบ ป.4) ปลอม แม้ตามฟ้องจะปรากฏว่าจำเลยได้แสดงต่อ เจ้าพนักงานตำรวจในคราวเดียวกัน แต่ก็เป็นเอกสารคนละประเภทกันโดยเจตนาของการปลอม การใช้และอ้างซึ่งเอกสารดังกล่าว มีเจตนาก่อให้เกิดผลที่แตกต่างกัน กล่าวคือ การใช้หรืออ้าง แผ่นป้ายแสดงการประกันภัยคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถปลอม เพื่อให้ผู้อื่นหลงเชื่อว่ารถยนต์คันดังกล่าวมีการประกันภัย คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัย จากรถ พ.ศ. 2535 จริง การใช้หรืออ้างใบอนุญาตขับรถยนต์ปลอมเพื่อให้ผู้อื่นหลงเชื่อว่าจำเลยที่ 1 มีความสามารถขับรถยนต์ ได้ซึ่งทางราชการได้ออกใบอนุญาตให้แก่จำเลยแล้วและการใช้ หรืออ้างใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน (แบบ ป.4) ปลอมเพื่อ ให้ผู้อื่นหลงเชื่อว่า จำเลยได้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน ดังกล่าวได้ ซึ่งทางราชการได้อนุญาตให้จำเลยที่ 1 มีและ ใช้อาวุธปืนดังกล่าวแล้ว การกระทำของจำเลยที่ 1 ส่วนนี้จึงเป็นคนละกรรมต่างกันตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 แผ่นป้ายแสดงการประกันภัยคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ มิใช่เอกสารซึ่งเจ้าพนักงานได้ทำขึ้นหรือรับรองในหน้าที่ จึงมิใช่เอกสารราชการการปลอมและใช้แผ่นป้ายแสดงการประกันภัย คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถจึงเป็นเพียงความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 วรรคแรก,268 วรรคแรก ประกอบมาตรา 264 วรรคแรก การที่ศาลชั้นต้นปรับบทลงโทษจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 โดยไม่ได้ระบุ บทมาตราประกอบ และไม่ได้ระบุวรรคในความผิดอื่น ๆ ให้ครบถ้วน ถูกต้อง ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสอง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 32, 33, 83, 91, 265, 268, 371 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ และริบเอกสารราชการปลอมกระสุนปืน 6 นัด ของกลางกับให้นับโทษของจำเลยที่ 1 ต่อจากโทษของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 3755/2540 ของศาลจังหวัดชลบุรี
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ แต่ต่อมาจำเลยที่ 1 ขอถอนคำให้การเดิมและให้การใหม่เป็นรับสารภาพและรับว่าเป็นบุคคลเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้แยกฟ้องจำเลยที่ 2 เป็นคดีใหม่
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265, 268, 371 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ เป็นการกระทำ หลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 เนื่องจากจำเลยที่ 1 เป็นผู้ใช้เอกสารราชการปลอม และเป็นผู้ปลอมเอกสารนั้นเอง ฐานปลอมและใช้แผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265, 268 ให้ลงโทษ ตามมาตรา 268 วรรคสองประกอบมาตรา 265 จำคุก 3 ปี ฐานปลอมและใช้แผ่นป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีรถยนต์ปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265, 268 ให้ลงโทษตาม มาตรา 268 วรรคสองประกอบมาตรา 265 จำคุก 3 ปี ฐานปลอมและใช้แผ่นป้ายแสดงการประกันภัยคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถปลอม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265, 268 ให้ลงโทษตามมาตรา 268 วรรคสอง ประกอบมาตรา 265 จำคุก 2 ปี ฐานปลอมและใช้ใบอนุญาตขับรถยนต์ปลอม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265, 268 ให้ลงโทษ ตามมาตรา 268 วรรคสอง ประกอบมาตรา 265 จำคุก 3 ปี ฐานปลอม และใช้ใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน (แบบ ป.4) ปลอม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265, 268 ให้ลงโทษตามมาตรา 268 วรรคสอง ประกอบมาตรา 265 จำคุก 2 ปี ฐานมีอาวุธและเครื่องกระสุนปืน โดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 8 เดือน ฐานพาอาวุธปืนไปในเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 6 เดือน รวมจำคุก 14 ปี 2 เดือน จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 7 ปี 1 เดือน ให้นับโทษจำเลยที่ 1 ต่อจากโทษของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 3755/2540 ของศาลจังหวัดชลบุรี ริบเอกสารราชการปลอมและกระสุนปืนของกลาง
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์จำเลยที่ 1
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 1 ว่า การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ในกรณีที่จำเลยที่ 1 อุทธรณ์ว่า การกระทำของจำเลยที่ 1 ฐานใช้เอกสารราชการแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ปลอมใช้แผ่นป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีปลอม ใช้แผ่นป้ายแสดงการประกันภัยคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถปลอม ใช้ใบอนุญาตขับรถยนต์ปลอม ใช้ใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนปลอมเป็นความผิดกรรมเดียวหรือไม่ แต่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยให้เพราะเป็นข้อที่ไม่ได้ว่ากล่าวมาในศาลชั้นต้นนั้น เห็นว่าจำเลยที่ 1 อุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์เพื่อโต้แย้งคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่พิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 ในการกระทำอันเป็นความผิดของจำเลยที่ 1 ว่าเป็นกรรมเดียวหรือหลายกรรมต่างกัน ซึ่งเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่ได้โต้แย้งเพราะให้การรับสารภาพในศาลชั้นต้น แต่เมื่อจำเลยที่ 1 อุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์แม้มิใช่เป็นข้อที่ได้ว่ากล่าวกันในศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ก็ชอบที่จะต้องวินิจฉัยอุทธรณ์ให้แก่จำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง แต่ที่จำเลยที่ 1 ฎีกาขอให้ส่งสำนวนให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่นั้น เห็นว่าไม่จำเป็น และควรวินิจฉัยไปพร้อมกัน ในประเด็นการกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นกรรมเดียวหรือไม่นั้น ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติตามที่คู่ความไม่โต้แย้งกันและตามที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวนว่า ร้อยตำรวจโทจำรัส รุ่งเรือง รองสารวัตรประจำศูนย์ป้องกันและปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ กองบัญชาการตำรวจนครบาลมีหน้าที่สืบสวนจับกุมผู้กระทำผิดเกี่ยวกับการโจรกรรมรถ เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2540 เวลาประมาณ 15.30 นาฬิกา พยานได้ออกตรวจพื้นที่ถึงบริเวณถนนวงศ์สว่าง ระหว่างซอยวงศ์สว่าง 6 ถึง 8 แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กรุงเทพมหานคร ได้พบรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า สีเทา หมายเลขทะเบียน ง – 2472 สงขลา จอดอยู่ ริมถนนมีพิรุธเพราะแผ่นป้ายทะเบียนมิใช่แผ่นป้ายที่ทางราชการออกให้พยานจึงเฝ้าดูจนเวลาเที่ยงคืนของ วันที่ 16 มกราคม 2540เห็นจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 นั่งรถยนต์แท็กซี่มาจอดตรงที่รถยนต์เก๋งฮอนด้าจอดอยู่ และจำเลยที่ 1 ไขกุญแจรถเข้าไปนั่งในที่คนขับส่วนพวกของจำเลยที่ 1 เข้าไปนั่งในด้านผู้โดยสารอีกด้านหนึ่ง พยานจึงแสดงตัวขอตรวจหลักฐานทางทะเบียนและตรวจรถยนต์เก๋งคันดังกล่าว จากการตรวจพบแผ่นป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีที่ติดอยู่ที่หน้ากระจกมีร่องรอยการแก้ไขปรากฏตามเอกสารหมาย จ.2 ป้ายแสดงการประกันภัยคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถมีกระดาษปิดทับข้อความเดิมไว้ ปรากฏตามเอกสารหมาย จ.3 แผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ให้ใช้ทะเบียนที่ออกโดยทางราชการจำนวน 2 แผ่น ปรากฏตามภาพถ่ายหมาย จ.1 นอกจากนี้ยังตรวจพบใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน (แบบ ป.4) ไว้ในความครอบครองอยู่ในรถยนต์คันดังกล่าวสองฉบับเป็นต้นฉบับ1 ใบ และสำเนา 1 ใบ ต้นฉบับมีชื่อนายวรทัศน์เป็นผู้ได้รับอนุญาต ส่วนสำเนามีชื่อจำเลยที่ 1 เป็นผู้ได้รับอนุญาต ต้นฉบับและสำเนาดังกล่าวมีหมายเลขใบอนุญาตที่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนตรงกัน ปรากฏตามเอกสารหมาย จ.5 พบอาวุธปืนสั้นออโตเมติก ยี่ห้อซิกเซาว์เออร์ ขนาด 9 มม. จำนวน 1 กระบอกซึ่งจำเลยที่ 1 พกไว้ที่เอวด้านซ้าย และพบใบอนุญาต ขับรถยนต์มีชื่อนายวรทัศน์เป็นผู้ได้รับอนุญาต แต่มีภาพถ่ายของจำเลยที่ 1 ติดอยู่ในใบอนุญาตดังกล่าวอยู่ในกระเป๋าสตางค์ของจำเลยที่ 1 ปรากฏตามเอกสารหมาย จ.4 และพบบัตรเครดิตของนายวรทัศน์อยู่ในกระเป๋าสตางค์ของจำเลยที่ 1 อีกด้วยจึงได้แจ้งข้อหาจำเลยที่ 1 ว่าร่วมกันปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนไปในทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพตามเอกสารหมาย จ.6 และได้บันทึกคำให้การจำเลยที่ 1 ไว้ตามเอกสารหมาย จ.8 ได้ส่งตัวจำเลยที่ 1 พร้อมของกลางต่อพนักงานสอบสวนดำเนินคดีแก่จำเลยที่ 1 การที่จำเลยที่ 1 ถูกเจ้าพนักงานตำรวจตรวจดูหลักฐานเพราะมีพฤติการณ์เป็นที่น่าสงสัยเนื่องจากแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ไม่ใช่ทะเบียนที่ทางราชการออกให้ โดยตรวจพบว่าแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์แผ่นป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีเป็นเอกสารที่ทำปลอมขึ้น การกระทำของจำเลยที่ 1 ทั้งหมดคือ การปลอม ใช้และอ้างแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ปลอม แผ่นป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีปลอม เป็นความผิดกรรมเดียวเพราะเป็นเอกสารและหลักฐานที่ติดอยู่ที่รถยนต์คันเดียวกัน และตามฟ้องของโจทก์ก็ปรากฏว่าจำเลยแสดงเอกสารดังกล่าวต่อเจ้าพนักงานตำรวจในเวลาเดียวกันซึ่งตามพฤติการณ์เห็นได้ว่า จำเลยที่ 1 มีเจตนาอย่างเดียวกันคือเพื่อให้เจ้าพนักงานตำรวจเห็นว่ารถยนต์คันดังกล่าวเป็นรถยนต์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย การกระทำของจำเลยที่ 1 ในประเด็นนี้จึงเป็นกรรมเดียวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 สำหรับข้อหาใช้หรืออ้างแผ่นป้ายแสดงการประกันภัยคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถปลอมใช้หรืออ้างใบอนุญาตขับรถยนต์ปลอม และใช้หรืออ้างใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน (แบบ ป.4) ปลอม แม้ตามฟ้องจะปรากฏว่าจำเลยได้แสดงต่อเจ้าพนักงานตำรวจในคราวเดียวกัน แต่ก็เป็นเอกสารคนละประเภทกันโดยเจตนาของการปลอม การใช้และอ้างซึ่งเอกสารดังกล่าวมีเจตนาก่อให้เกิดผลที่แตกต่างกันกล่าวคือ การใช้หรืออ้างแผ่นป้ายแสดงการประกันภัยคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถปลอมเพื่อให้ผู้อื่นหลงเชื่อว่ารถยนต์คันดังกล่าวมีการประกันภัยคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 จริงการใช้หรืออ้างใบอนุญาตขับรถยนต์ปลอมเพื่อให้ผู้อื่นหลงเชื่อว่าจำเลยที่ 1 มีความสามารถขับรถยนต์ได้ซึ่งทางราชการได้ออกใบอนุญาตให้แก่จำเลยแล้ว และการใช้หรืออ้างใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน (แบบ ป.4) ปลอมเพื่อให้ผู้อื่นหลงเชื่อว่าจำเลยได้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนดังกล่าวได้ ซึ่งทางราชการได้อนุญาตให้จำเลยที่ 1 มีและใช้อาวุธปืนดังกล่าวแล้วการกระทำของจำเลยที่ 1 ส่วนนี้จึงเป็นคนละกรรมต่างกันตามประมวลกฎหมาย
อนึ่ง แผ่นป้ายแสดงการประกันภัยคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถมิใช่เอกสารซึ่งเจ้าพนักงานได้ทำขึ้นหรือรับรองในหน้าที่จึงมิใช่เอกสารราชการ การปลอมและใช้แผ่นป้ายแสดงการประกันภัยคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถจึงเป็นเพียงความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 วรรคแรก, 268 วรรคแรก ประกอบมาตรา 264 วรรคแรก นอกจากนี้ศาลชั้นต้นปรับบทลงโทษจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 โดยไม่ได้ระบุบทมาตราประกอบ และไม่ได้ระบุวรรคในความผิดอื่น ๆ ให้ครบถ้วนถูกต้องนั้น ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้องด้วย
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 วรรคแรก, 265, 268 วรรคแรก ประกอบมาตรา 264 วรรคแรก, 268 วรรคแรก ประกอบมาตรา 265, 371, 83 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 วรรคสาม, 72 ทวิ วรรคสอง เป็นการกระทำผิด หลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 เนื่องจากจำเลยที่ 1 เป็นผู้ปลอมและใช้เอกสารปลอมนั้นเอง จึงให้ลงโทษฐานใช้เอกสารปลอมแต่กระทงเดียว ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคสอง โดยฐานปลอมและใช้แผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ปลอมกับฐานปลอมและใช้แผ่นป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีรถยนต์ปลอม เป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 แต่มีอัตราโทษเท่ากัน จึงลงโทษ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคแรก ประกอบมาตรา 265 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคสอง จำคุก 3 ปี ฐานปลอม และใช้แผ่นป้ายแสดงการประกันภัยคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถปลอมให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคแรก ประกอบมาตรา 264 วรรคแรก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคสอง จำคุก 2 ปี ฐานปลอมและใช้ใบอนุญาตขับรถยนต์ปลอม ให้ลงโทษ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคแรก ประกอบมาตรา 265 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคสอง จำคุก 3 ปี ฐานปลอมและใช้ใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน (แบบ ป.4) ปลอม ให้ลงโทษ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคแรก ประกอบมาตรา 265 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคสอง จำคุก 2 ปี ฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 8 เดือนฐานพาอาวุธปืนไปในเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 ทวิ วรรคสอง ซึ่งเป็นบทหนักที่สุด จำคุก 6 เดือน รวมจำคุก 11 ปี 2 เดือน จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 5 ปี 7 เดือน ให้นับโทษจำเลยที่ 1 ต่อจากโทษจำเลย ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 3755/2540 ของศาลจังหวัดชลบุรี ริบเอกสารปลอมทั้งหมดและกระสุนปืนของกลาง