แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยทั้งสองจุดไฟเผาไม้ในที่ดินของตนจนน่าจะเป็นอันตรายแก่สวนยางพาราของผู้อื่น กับมิได้เตรียมป้องกันมิให้เพลิงลุกลามไปไหม้สวนยางพาราข้างเคียง เพียงใช้ไม้ตีไฟให้ดับเท่านั้น ไม่เป็นการระมัดระวังอย่างเพียงพอ เมื่อดับไฟไม่ได้และไฟได้ลุกลามไปไหม้สวนยางพาราของผู้เสียหาย จึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 220 วรรคแรก และ 225 เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันจุดไฟเผากิ่งไม้ ใบไม้และหญ้าแห้งในสวนของจำเลยทั้งสองจนน่าจะเป็นอันตรายแก่สวนยางพาราของผู้อื่น และโดยปราศจากความระมัดระวังไม่ทำทางป้องกันไฟมิได้เตรียมอุปกรณ์การดับเพลิงและคนช่วยดับเพลิงไว้ให้พร้อม เป็นเหตุให้ไฟลุกลามเข้าไปไหม้สวนยางพาราของนางจรรญา เพชรรัตน์ กับพวก เสียหาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓, ๒๒๐ และ ๒๒๕
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๒๐, ๒๒๕ และ ๘๓ ให้ลงโทษตามมาตรา ๒๒๐ซึ่งเป็นบทหนักจำคุกคนละ ๒ ปี
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า การที่จำเลยทั้งสองจุดไฟเผาไม้ในที่ดินของจำเลยทั้งสองซึ่งมีเนื้อที่ถึงประมาณ๒๐ ไร่ จนน่าจะเป็นอันตรายแก่ทรัพย์ของผู้อื่น กับมิได้เตรียมป้องกันมิให้เพลิงไหม้ลุกลามไปไหม้สวนยางพาราข้างเคียงของผู้เสียหายทั้งสาม เพียงใช้ไม้ตีไฟให้ดับเท่านั้นไม่เป็นการระมัดระวังอย่างเพียงพอ เมื่อดับไฟไม่ได้และไฟได้ลุกลามไปไหม้สวนยางพาราของผู้เสียหายทั้งสาม การกระทำของจำเลยทั้งสามจึงเป็นความผิดดังที่โจทก์ฟ้อง ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
ที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยทั้งสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๒๐ อันเป็นบทหนัก โดยไม่ระบุว่าเป็นความผิดวรรคใดนั้นไม่ถูกต้องเพราะมาตรา ๒๒๐ กำหนดการกระทำความผิดไว้ถึงสองวรรค ศาลฎีกาจึงเห็นควรแก้ไขเสียให้ถูกต้อง
พิพากษากลับว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๒๐ วรรคแรก และ ๒๒๕ ประกอบด้วยมาตรา ๘๓ ให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามมาตรา ๒๒๐ วรรคแรก ซึ่งเป็นบทหนักจำคุกคนละ ๒ ปี.