แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่จำเลยที่ 2 ยื่นอุทธรณ์และยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาชำระค่าธรรมเนียมศาลออกไปอีกสิบวันโดยอ้างว่ากรรมการผู้จัดการบริษัทจำเลยที่ 2 ผู้มีอำนาจสั่งจ่ายเงินต้องเดินทางไปต่างประเทศกะทันหันเกี่ยวกับธุรกิจสำคัญของบริษัทก่อนครบกำหนดยื่นอุทธรณ์สองวัน ทนายจำเลยที่ 2 มิได้เตรียมเบิกเงินค่าธรรมเนียมศาลไว้ก่อน จึงไม่อาจชำระค่าธรรมเนียมศาลในวันยื่นอุทธรณ์ได้นั้นถือว่าเป็นความผิดหรือบกพร่องของจำเลยที่ 2 เองมิใช่มีพฤติการณ์พิเศษอันศาลจะพึงมีคำสั่งขยายเวลาการชำระค่าธรรมเนียมศาลให้จำเลยที่ 2 ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๒ ร่วมกันใช้เงินจำนวน ๔๑๕,๒๘๖ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๒๖ จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ ๑ ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ ๒ ให้การว่าไม่เคยมีนิติสัมพันธ์กับโจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ ๒ ให้รับผิดขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ร่วมกันใช้เงินจำนวน ๔๑๕,๒๘๖ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๒๖ จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ ๒ ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นและยื่นคำร้องขอขยายเวลานำเงินค่าขึ้นศาลและค่าธรรมเนียมใช้แทนโจทก์ออกไป๑๐ วัน
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า กรณีที่อ้างตามคำร้องมิใช่พฤติการณ์พิเศษยกคำร้องและสั่งอุทธรณ์ของจำเลยที่ ๒ ว่าหากจำเลยที่ ๒ ประสงค์จะอุทธรณ์ให้นำเงินมาวางภายในกำหนดอุทธรณ์ มิฉะนั้นถือว่าไม่ติดใจอุทธรณ์
จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยที่ ๒ ฎีกาว่านางสมทรง โสรัต กรรมการผู้จัดการบริษัทจำเลยที่ ๒ ผู้มีอำนาจสั่งจ่ายเงินในนามของจำเลยที่ ๒ ต้องเดินทางไปต่างประเทศกะทันหันเกี่ยวกับธุรกิจสำคัญของบริษัทในวันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๒๘ ทนายจำเลยที่ ๒ มิได้เตรียมเบิกเงินค่าธรรมเนียมศาลซึ่งครบกำหนดยื่นอุทธรณ์ในวันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๒๘ จำนวนเงิน ๒๖,๙๓๐ บาทไว้ก่อน เนื่องจากไม่คาดคิดว่ากรรมการผู้จัดการจะต้องเดินทางกะทันหันจำเลยที่ ๒ จึงไม่อาจชำระค่าธรรมเนียมศาลในวันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๒๘ จำเลยที่ ๒ ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาชำระค่าธรรมเนียมศาลภายใน ๑๐ วัน ตามคำร้องของจำเลยที่ ๒ ถือได้ว่าเป็นพฤติการณ์พิเศษตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๓ นั้น เห็นว่าข้อเท็จจริงตามคำร้องของจำเลยที่ ๒ เป็นเพราะความผิดหรือบกพร่องของจำเลยที่ ๒ เองยังถือไม่ได้ว่ามีพฤติการณ์พิเศษอันศาลจะพึงมีคำสั่งขยายระยะเวลาการชำระค่าธรรมเนียมศาลให้จำเลยที่ ๒ ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๓ ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ฎีกาจำเลยที่ ๒ ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.