แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยทั้งสี่ยื่นฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีนี้จำเลย ทั้งสี่ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 แก้ไขใหม่จึงไม่รับฎีกา
จำเลยทั้งสี่เห็นว่าคดีนี้ราคาที่ดินพิพาทสูงขึ้น และในขณะ ยื่นฎีกามีราคาสูงถึง 338,350 บาท ราคาทรัพย์สินหรือจำนวน ทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาจึงเกินกว่าสองแสนบาทหาต้องห้าม มิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกา ของจำเลยทั้งสี่ไว้พิจารณาพิพากษา ต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ทั้งสองได้รับสำเนาคำร้องแล้ว(อันดับ 103 แผ่นที่ 2)
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์มีสิทธิ์ในที่ดินมือเปล่าหมู่ 5ตำบลบุฝ้ายอำเภอประจันตคาม จังหวัดปราจีนบุรี เนื้อที่33 ไร่ 3 งาน 34 ตารางวา ตามแผนที่สังเขปท้ายฟ้อง ให้จำเลยทั้งสี่ถอนคำร้องคัดค้านที่ได้ยื่นไว้ต่อสำนักงานที่ดินอำเภอประจันตคามจังหงัดปราจีนบุรี เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2531ถ้าไม่ถอนให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของจำเลยทั้งสี่ ห้ามจำเลยทั้งสี่เกี่ยวข้องกับที่ดินพิพาท
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสี่ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 94)
ทนายจำเลยทั้งสี่จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 101)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ราคาทรัพย์สินหรือจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาทที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งฉบับที่ 12 พ.ศ. 2534 มาตรา 18 นั้น หมายความถึงราคาทรัพย์สินหรือจำนวนทุนทรัพย์ที่คู่ความฝ่ายที่ฎีกาซึ่งแพ้คดีหรือชนะคดีแต่ เพียง บางส่วนในชั้นอุทธรณ์ ได้ฎีกาขอให้ตนเป็นฝ่ายชนะคดีทั้งหมด หรือชนะคดีเพิ่มเติมจากที่ชนะคดีมาแล้วบางส่วนให้เต็มตาม ราคาทรัพย์สินหรือจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทอันกำหนดมา แต่ศาลชั้นต้น ดังนั้นในคดีนี้ราคาทรัพย์สินที่พิพาทกันในศาลชั้นต้น ซึ่งกำหนดไว้ห้าหมื่นบาท เมื่อจำเลยทั้งสี่แพ้คดีในชั้นอุทธรณ์ จำเลยทั้งสี่ฎีกาขอให้ตนเป็นฝ่ายชนะคดี ราคาทรัพย์สินที่พิพาทกัน ในชั้นฎีกาจึงต้องถือตามราคาทรัพย์สินที่กำหนดในศาลชั้นต้นคือ ห้าหมื่นบาท หาใช่ถือตามราคาที่จำเลยทั้งสี่กำหนดขึ้นมาใหม่ ซึ่งเกินกว่าราคาที่กำหนดมาในศาลชั้นต้นไม่ เมื่อคดีนี้มีราคา ทรัพย์สินที่พิพาทไม่เกินสองแสนบาท จึงต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ที่แก้ไขใหม่ และฎีกาของจำเลยทั้งสี่เป็นฎีกาในข้อเท็จจริง ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยทั้งสี่จึงชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง