คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2187/2534

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

บิดาและมารดามีหน้าที่ร่วมกันให้การอุปการะเลี้ยงดูและให้การศึกษาแก่บุตรผู้เยาว์ มีลักษณะเป็นหนี้ร่วมกันแม้โจทก์จำเลยจะหย่าขาดจากกัน และศาลพิพากษาให้โจทก์เป็นผู้ใช้อำนาจปกครอง จ. บุตรผู้เยาว์โดยไม่ได้กำหนดให้จำเลยออกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรก็ตาม โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรในนามตนเองได้ โจทก์ฟ้องเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์จากจำเลยในฐานะที่โจทก์เป็นมารดาและผู้ใช้อำนาจปกครองไม่ใช่ฟ้องในนามของผู้เยาว์หรือในฐานะเป็นตัวแทนผู้เยาว์โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1565 ไม่เป็นคดีอุทลุม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์กับจำเลยเป็นสามีภริยากันโดยชอบด้วยกฎหมายโดยได้จดทะเบียนสมรสกันเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2527แล้วอยู่กินด้วยกันที่บ้านเลขที่ 72 หมู่ 4 ตำบลบางเตยอำเภอเมืองพังงา จังหวัดพังงา ระหว่างอยู่กินเป็นสามีภริยาเกิดบุตรด้วยกัน 1 คน ชื่อเด็กชายจักรพงศ์ รักชีพ ปรากฏตามภาพถ่ายใบสำคัญการสมรสเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 1 และสูติบัตรเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 2 ต่อมาจำเลยประพฤติตนไม่สมควรชอบเที่ยวเตร่กลางคืน ปล่อยให้โจทก์อยู่บ้านคนเดียว โจทก์กลัวและเหงา ทั้งต้องเลี้ยงดูบุตรคนเดียว เมื่อเดือนมีนาคม 2528โจทก์จึงพาบุตรกลับไปอยู่กับบิดามารดาของโจทก์ที่บ้านเลขที่ 37/2หมู่ที่ 8 ตำบลป่าบอน อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี จนถึงปัจจุบันโดยจำเลยมิได้ส่งเสียและให้ความอุปการะเลี้ยงดูบุตรเลยเมื่อปี 2529 จำเลยฟ้องโจทก์ขอหย่าขาดจากการเป็นสามีภริยาและให้อำนาจการปกครองบุตรอยู่กับจำเลย ตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 55/2529 ของศาลชั้นต้น ในคดีดังกล่าวโจทก์คดีนี้ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาและศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ไปจดทะเบียนหย่ากับจำเลย ส่วนอำนาจการปกครองบุตรให้โจทก์คดีนี้เป็นผู้ใช้อำนาจปกครอง เมื่อโจทก์กับจำเลยหย่ากันแล้วเด็กชายจักรพงศ์ได้อยู่ในความอุปการะเลี้ยงดูของโจทก์แต่เพียงผู้เดียวหลังจากศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้หย่าในคดีดังกล่าวแล้ว โจทก์ต้องใช้จ่ายเงินเป็นค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรจำนวน22,000 บาท โจทก์ได้ติดต่อขอร้องให้จำเลยช่วยเหลือและโจทก์ขอค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรเดือนละ 1,000 บาท จนกว่าบุตรจะบรรลุนิติภาวะ แต่ไม่อาจเรียกร้องได้ ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินค่าอุปการะเลี้ยงดูแก่เด็กชายจักรพงศ์นับตั้งแต่วันหย่าจนถึงวันฟ้องเป็นเงิน 22,000 บาท และเดือนละ 1,000 บาท ตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าเด็กชายจักรพงศ์บรรลุนิติภาวะ
ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องแล้ววินิจฉัยว่า คำพิพากษาศาลชั้นต้นตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 55/2529 มิได้ให้จำเลยในคดีนี้เป็นผู้ออกเงินค่าอุปการะเลี้ยงดู โจทก์ในฐานะส่วนตัวจึงไม่มีอำนาจฟ้อง ส่วนการที่โจทก์ฟ้องคดีในฐานะเป็นมารดาผู้แทนโดยชอบธรรมของบุตรผู้เยาว์นั้นเท่ากับบุตรผู้เยาว์ฟ้องบิดาเป็นคดีอุทลุมต้องห้ามมิให้ฟ้อง จึงให้ยกฟ้องของโจทก์ที่ฟ้องในนามของตนเองและไม่รับฟ้องในส่วนที่โจทก์ฟ้องในนามของบุตรผู้เยาว์ ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษากลับว่า ให้รับฟ้องโจทก์ไว้พิจารณาและให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษาใหม่
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว คดีมีปัญหาจะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า โจทก์ในฐานะส่วนตัวและในฐานะมารดาผู้ใช้อำนาจปกครองเด็กชายจักรพงศ์ รักชีพ บุตรผู้เยาว์ มีอำนาจฟ้องเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์จากจำเลยได้หรือไม่จำเลยฎีกาประการแรกว่าตามคำฟ้องบรรยายว่าโจทก์สมัครใจเลี้ยงดูบุตรเองไม่ยอมมอบบุตรให้จำเลยไปเลี้ยง ทั้งตามคำพิพากษาที่จำเลยฟ้องโจทก์ขอหย่าก็ไม่ได้กำหนดให้จำเลยออกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรโจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกจากจำเลยนั้น เห็นว่า ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1564 กำหนดให้บิดามารดาจำต้องอุปการะเลี้ยงดูและให้การศึกษาตามสมควรในระหว่างที่บุตรยังเป็นผู้เยาว์ตามบทบัญญัติดังกล่าวเห็นได้ว่าบิดาและมารดามีหน้าที่ร่วมกันในการให้การอุปการะเลี้ยงดูและให้การศึกษาแก่บุตรผู้เยาว์หาใช่เป็นหน้าที่ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแต่ฝ่ายเดียวไม่ถึงแม้โจทก์จำเลยจะหย่าขาดจากการเป็นสามีภริยากัน และศาลพิพากษาให้โจทก์เป็นผู้ใช้อำนาจปกครองเด็กชายจักรพงษ์ผู้เยาว์โดยไม่ได้กำหนดให้จำเลยออกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรก็ตาม เมื่อหน้าที่ของโจทก์และจำเลยดังกล่าวมีลักษณะเป็นหนี้ร่วมกันและโจทก์เป็นผู้ออกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรไปแล้วเช่นนี้ โจทก์ก็ย่อมมีสิทธิฟ้องเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรในนามของตนเองได้ ฎีกาข้อนี้ของจำเลยฟังไม่ขึ้น
ส่วนที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์ฟ้องในฐานะมารดาผู้แทนโดยชอบธรรมของเด็กชายจักรพงศ์ รักชีพ บุตรผู้เยาว์ เท่ากับเป็นการใช้สิทธิของบุตรฟ้องจำเลยผู้เป็นบิดาย่อมเป็นคดีอุทลุม ต้องห้ามตามกฎหมายนั้น เห็นว่าตามคำฟ้องโจทก์ระบุว่าในนามตนเองและในฐานะมารดาผู้ใช้อำนาจปกครองผู้เยาว์ฟ้องจำเลย และเมื่ออ่านคำฟ้องในข้อ 2ย่อหน้าที่ 3 จะเข้าใจได้ชัดว่าโจทก์ได้ฟ้องเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์จากจำเลยในฐานะที่โจทก์เป็นมารดาและผู้ใช้อำนาจปกครองไม่ใช่ฟ้องในนามของผู้เยาว์หรือในฐานะเป็นตัวแทนผู้เยาว์ดังที่จำเลยอ้าง โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1565 ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาให้รับฟ้องโจทก์ไว้พิจารณาชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษาใหม่

Share