คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3473/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยไม่ยื่นคำให้การภายในกำหนดศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและให้นัดสืบพยานโจทก์ในวันที่4กันยายน2535ก่อนถึงวันนัดจำเลยยื่นคำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้นัดไต่สวนคำร้องในวันเวลาเดียวกับที่นัดสืบพยานโจทก์วันที่4กันยายน2535จึงเป็นวันนัดไต่สวนคำร้องอนุญาตยื่นคำให้การจำเลยและวันนัดสืบพยานโจทก์ด้วยเพราะศาลชั้นต้นยังมิได้มีคำสั่งยกเลิกวันนัดสืบพยานโจทก์แต่เมื่อถึงวันดังกล่าวทนายจำเลยมอบฉันทะให้เสมียนทนายมายื่นคำร้องขอเลื่อนการไต่สวนคำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การเท่านั้นจึงถือไม่ได้ว่าทนายจำเลยได้มาศาลและร้องขอเลื่อนคดีเสียก่อนลงมือสืบพยานโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา197วรรคสองดังนั้นในเรื่องของการพิจารณาคดีจึงถือได้ว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาศาลชั้นต้นชอบที่จะมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาให้สืบพยานโจทก์แล้วชี้ขาดตัดสินคดีไปฝ่ายเดียวตามมาตรา202

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยซื้อยาปราบศัตรูพืชจากโจทก์แล้วไม่ชำระค่าสินค้าให้ตามสัญญา ขอให้บังคับจำเลยใช้เงินจำนวน 28,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันที่ 27 พฤษภาคม2533 คิดถึงวันฟ้องเป็นเงิน 4,188 บาท และดอกเบี้ยนับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยไม่ยื่นคำให้การภายในกำหนด ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ และให้นัดสืบพยานโจทก์ในวันที่4 กันยายน 2535 เวลา 13.30 นาฬิกา ก่อนถึงวันนัดจำเลยยื่นคำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้นัดไต่สวนคำร้องในวันเวลาเดียวกับที่นัดสืบพยานโจทก์ พอถึงวันเวลานัดทนายจำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนการไต่สวนคำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การอ้างว่าติดว่าความอยู่ที่ศาลอื่น ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งให้ยกคำร้องขอเลื่อนคดี และมีคำสั่งว่า จำเลยขาดนัดพิจารณาให้พิจารณาคดีโจทก์ไปฝ่ายเดียว แล้วพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 32,188 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับถัดจากวันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์คำพิพากษาและคำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนนัดไต่สวนและให้โจทก์สืบพยานไปฝ่ายเดียว
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ได้ความตามคำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การของจำเลยฉบับลงวันที่ 21 สิงหาคม 2535 ว่า ทนายจำเลยขอไต่สวนคำร้อง ของจำเลยวันที่ 4 กันยายน 2535 เวลา 13.30 นาฬิกาอันเป็นวันที่ศาลชั้นต้นกำหนดนัดสืบพยานโจทก์ โดยได้แนบสำเนาหมายนัดสืบพยานโจทก์ที่จำเลยได้รับโดยการปิดหมายเมื่อวันที่9 สิงหาคม 2535 มาท้ายคำร้องด้วย เห็นว่าทนายจำเลยเป็นผู้ขอให้ศาลชั้นต้นนัดไต่สวนคำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การในวันนัดสืบพยานโจทก์ แสดงว่าวันดังกล่าวเป็นวันว่างของทนายจำเลยวันที่ 4 กันยายน 2535 จึงเป็นวันนัดไต่สวนคำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การจำเลยและวันนัดสืบพยานโจทก์ด้วยเพราะศาลชั้นต้นยังมิได้มีคำสั่งยกเลิกวันนัดสืบพยานโจทก์ แต่การที่ทนายจำเลยมอบฉันทะให้เสมียนทนายมายื่นเพียงคำร้องขอเลื่อนการไต่สวนคำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การเท่านั้น จึงถือไม่ได้ว่าทนายจำเลยได้มาศาลและร้องขอเลื่อนคดีเสียก่อนลงมือสืบพยานโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 197 วรรคสอง ดังนั้นในเรื่องของการพิจารณาคดี จึงถือได้ว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาให้สืบพยานโจทก์แล้วชี้ขาดตัดสินคดีไปฝ่ายเดียว จึงชอบแล้ว ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 202
พิพากษายืน

Share