คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2184/2526

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ผู้เสียหายกับจำเลยเป็นเพื่อนบ้านที่สนิทสนมกัน สาเหตุเกิดเพราะผู้เสียหายห้ามไม่ให้จำเลยยุ่งเกี่ยวกับหลานสาวที่ริมคลอง เมื่อเดินกลับมาบ้าน จำเลยเข้ารัดคอผู้เสียหายและใช้เหล็กขูดชาฟท์เฉพาะตัวเหล็กยาว 3 นิ้วเศษแทงที่ช่องกระดูกหน้าอกและช่องซี่โครงบาดแผลยาวแห่งละ 0.5 เซนติเมตร ลึกครึ่งเซนติเมตร ไม่มีเลือดหรือลมในช่องปอดรักษาที่ โรงพยาบาล 2 วันก็กลับบ้านไปโรงเรียนได้ตามปกติ และรวมเวลารักษาตัวเพียง 7 วัน ดังนี้ ตามพฤติการณ์และบาดแผลยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า คงมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายเท่านั้น

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 80 จำเลยอายุ 16 ปีเศษ จำคุก 2 ปี 6 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่ามีความผิดตามมาตรา 295 ลดมาตราส่วนโทษและลดโทษให้แล้ว จำคุก 3 เดือน ปรับ 300 บาท รอการลงโทษจำคุกไว้ 2 ปีโจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “โจทก์นำสืบว่าผู้เสียหายรู้จักกับจำเลยคนทั้งสองอยู่ห้องแถวใกล้กันและเคยเป็นนักเรียนโรงเรียนเดียวกันไม่เคยมีสาเหตุโกรธกัน ในวันเกิดเหตุเวลา 18 นาฬิกาเศษ ผู้เสียหายไปอาบน้ำที่คลองหัวไทร เห็นจำเลยกับนางสาวศรีสุดา จันทร์สุวรรณ ซึ่งเป็นหลานของผู้เสียหายอยู่ที่ริมคลองหัวไทร ผู้เสียหายเข้าใจว่าจำเลยเกี้ยวนางสาวศรีสุดาจึงไปห้ามมิให้จำเลยยุ่งเกี่ยวกับนางสาวศรีสุดา แล้วต่างก็กลับห้องแถวพอผู้เสียหายไปถึงประตูหลังห้องแถวที่ตนอยู่ จำเลยใช้แขนรัดคอผู้เสียหายและใช้เหล็กขูดชาฟท์จ้วงแทงผู้เสียหายที่ชายโครงด้านขวา 1 ที ผู้เสียหายแย่งเหล็กขูดชาฟท์และกอดปล้ำกับจำเลย ผู้เสียหายถูกเหล็กขูดชาฟท์ที่หน้าอกด้านขวา 1 แผล ผู้เสียหายกับจำเลยล้มลง ผู้เสียหายคร่อมจำเลยไว้นายเผด็จ จันทร์สุวรรณ มาแย่งเหล็กขูดชาฟท์จากจำเลย ผู้เสียหายไปร้องทุกข์เจ้าพนักงานตำรวจส่งผู้เสียหายไปรักษาที่โรงพยาบาลหัวไทร เจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยได้ในคืนนั้น จำเลยให้การรับสารภาพ

จำเลยนำสืบว่า จำเลยพบผู้เสียหายและนางสาวศรีสุดาที่ริมคลองหัวไทรผู้เสียหายหาว่าจำเลยเกี้ยวนางสาวศรีสุดา เมื่อกลับมายังห้องแถวผู้เสียหายไม่ให้จำเลยเดินผ่านหลังห้อง จำเลยเถียงผู้เสียหาย จำเลยถูกผู้เสียหายต่อยจำเลยสู้ไม่ได้จึงใช้เหล็กขูดชาฟท์แทงผู้เสียหาย 1 ที ผู้เสียหายแย่งเหล็กขูดชาฟท์และกอดปล้ำกัน จำเลยสู้ไม่ได้ล้มลงได้รับบาดเจ็บ ผู้เสียหายแย่งเหล็กขูดชาฟท์จากจำเลยได้จะแทงจำเลย นายประดิษฐ์เข้าห้ามไว้และพาผู้เสียหายแยกไป ระหว่างกอดปล้ำกันจำเลยไม่ได้แทงผู้เสียหายอีก

พิเคราะห์แล้ว ได้ความว่าผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บมีบาดแผลที่ช่องกระดูกหน้าอกขวากับช่องซี่โครงที่เจ็ดด้านขวาเพียงสองแห่งเท่านั้น ตามผลการชันสูตรบาดแผลของแพทย์ปรากฏว่าบาดแผลยาวแห่งละ 0.5 เซนติเมตร กว้างวัดไม่ได้เพราะขอบแผลชิดกัน ผู้เสียหายเบิกความว่าจำเลยแทงผู้เสียหายด้านหลัง(ชายโครงขวา) 1 ทีเท่านั้น ส่วนบาดแผลที่หน้าอกผู้เสียหายเบิกความว่าผู้เสียหายกับจำเลยแย่งเหล็กขูดชาฟท์กัน ผู้เสียหายจึงถูกเหล็กขูดชาฟท์ที่หน้าอก ผู้เสียหายไม่ทราบว่าจำเลยจะตั้งใจแทงหรือไม่ บาดแผลลึกประมาณครึ่งเซนติเมตร และผู้เสียหายกับนายเผด็จ จันทร์สุวรรณ พยานโจทก์เบิกความว่า ถ้าจำเลยตั้งใจแทงจริงคงจะเข้าลึกและได้รับบาดเจ็บมากกว่านี้ ปรากฏตามคำของร้อยตำรวจตรีอิรายุ สุวรรณรัตน์ พนักงานสอบสวนว่า เหล็กขูดชาฟท์ของกลางเฉพาะตัวเหล็กยาว 3 นิ้วเศษ ดังนี้แสดงว่าแม้จำเลยจะใช้แขนรัดคอผู้เสียหายไว้แล้วใช้เหล็กขูดชาฟท์แทงผู้เสียหายถูกช่องกระดูกหน้าอกและช่องซี่โครง แต่จำเลยก็มิได้แทงผู้เสียหายอย่างแรงบาดแผลจึงไม่ลึก ไม่มีเลือดหรือลมในช่องปอด เห็นได้ว่ามิได้ตั้งใจแทงให้ทะลุเข้าภายใน ผู้เสียหายรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล 2 วันก็กลับบ้านไปโรงเรียนได้ตามปกติ และรวมเวลารักษาตัวเพียง 7 วัน จำเลยกับผู้เสียหายเป็นเพื่อนบ้านที่สนิทสนมกัน สาเหตุเกิดเพราะผู้เสียหายห้ามไม่ให้จำเลยยุ่งเกี่ยวกับหลานสาวของผู้เสียหายเท่านั้นเห็นว่าตามพฤติการณ์ที่จำเลยกระทำกับบาดแผลที่ผู้เสียหายได้รับยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้เสียหายนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย”

พิพากษายืน

Share