คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 218/2496

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ที่อ้างว่าได้ที่ดินของผู้ตายมาโดยทางครอบครอง หาใช้เพราะเป็นทายาทผู้รับมรดกของผู้ตายไม่การที่ผู้ใดจะเป็นทายาทของผู้ตายหรือไม่ ย่อมไม่กระทบกระเทือนถึงสิทธิครอบครองของผู้นั้น ฉะนั้นการที่ศาลสั่งว่าผู้ใดผู้หนึ่งเป็นบุตรของผู้ตาย จึงไม่เป็นการโต้แย้งสิทธิของผู้ที่อ้างว่าครอบครองที่ดินนั้นตาม ป.วิ.แพ่ง มาตรา 55 ผู้นั้นจึงย่อมไม่มีสิทธิจะฟ้องศาลขอให้เพิกถอนคำสั่งที่สั่งว่าผู้ใดเป็นบุตรผู้ตาย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ที่ดินโฉนดพิพาทที่มีชื่อนายบุญช่วยนั้น เป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์โดยทางครอบครอง โจทก์จึงยื่นคำร้องต่อศาลขอให้แสดงว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ เนื่องจากนายบุญช่วยได้ตายไปแล้ว และไม่มีทายาท จำเลยได้ยื่นคำคัดค้านว่า ศาลมีคำสั่งแล้วว่า จำเลยเป็นบุตรนายบุญช่วยจำเลยจึงมีสิทธิรับมรดกของนายบุญช่วย แต่ความจริงจำเลยยื่นคำร้องเท็จต่อศาล และนำพยานเท็จไปให้ศาลไต่สวน จนศาลหลงเชื่อ จึงได้มีคำสั่งเช่นนั่นเป็นคำสั่งที่ผิดหลงจากความเป็นจริง ขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งนั้นเสีย
จำเลยต่อสู้ว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะไม่ใช่ทายาทของนายบุญช่วย
ศาลชั้นต้นเห็นว่า ผู้ที่จะฟ้องคดีอย่างนี้ต้องเป็นผู้มีส่วนได้เสีย หมายความว่ามีสิทธิรับมรดกร่วมกับจำเลย หรือเสียสิทธิรับมรดกเพราะการเกิดของจำเลย คำร้องของโจทก์ไม่ได้กล่าวถึงสิทธิในข้อนี้ ที่กล่าวมาไม่ใช่สิทธิอันเกิดแก่มรดกแต่อย่างใด ให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลแสดงว่าที่ดินเป็นของโจทก์ โดยโจทก์ได้ครอบครองมา หาใช่ว่าเพราะโจทก์เป็นทายาทผู้รับมรดกของนายบุญช่วยไม่ การที่จำเลยจะเป็นทายาทของนายบุญช่วยหรือไม่ จึงไม่กระทบกระเทือนถึงสิทธิครอบครองของโจทก์ ถ้าหากมีแต่ประการใด ฉะนั้นการที่ศาลสั่งว่าจำเลยเป็นบุตรนายบุญช่วย จึงไม่เป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๕ แต่ประการใด โจทก์จึงไม่มีเรื่องจะมาฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งนั้น
พิพากษายืน

Share