แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์มีหนังสือบอกเลิกการเช่าบ้านพิพาทลงวันที่ 24 เมษายน 2523 บอกเลิกการเช่าประจำเดือนพฤษภาคม 2523 หลังจากที่ครบกำหนดการบอกกล่าวผู้แทนโจทก์ไปตรวจดู ไม่ปรากฏว่ามีคนอยู่ในบ้านเช่า จึงต้องถือว่าจำเลยได้ส่งคืนบ้านพิพาทให้โจทก์โดยชอบแล้วอย่างช้าที่สุดภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2523 โจทก์ฟ้องจำเลยให้ใช้ค่าเสียหายในทรัพย์สินที่เช่าเกินกำหนดหกเดือนนับแต่วันส่งคืนทรัพย์สินที่เช่า จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 563
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเช่าบ้านพิพาทจากโจทก์ มีกำหนด ๒ ปี และเช่าต่อมาโดยไม่มีกำหนดระยะเวลา โจทก์ประสงค์จะเอาบ้านพิพาทคืน จึงได้บอกเลิกการเช่าไปยังจำเลยและจำเลยได้ขนย้ายพนักงานของจำเลยออกไปจากบ้านพิพาทเมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๒๓ โจทก์ได้เข้าไปตรวจบ้านพิพาทปรากฏว่าบ้านพิพาทเสียหายเป็นจำนวน ๒๐๕,๗๐๐ บาท ขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย
จำเลยให้การว่า โจทก์ได้รับมอบบ้านพิพาทไปแล้ว โดยไม่ปรากฏความเสียหายใด ๆ คดีโจทก์ขาดอายุความแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า คดีขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๕๖๓ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีฟังได้ว่าเมื่อครบกำหนดสัญญาเช่าในวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๒๐ โจทก์ให้จำเลยเช่าต่อมาโดยชำระค่าเช่าทุกเดือนถือว่ามีการตกลงเช่าโดยไม่มีกำหนดเวลา โจทก์มีหนังสือบอกเลิกการเช่าลงวันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๒๓ บอกเลิกการเช่าประจำเดือนพฤษภาคม ๒๕๒๓ แสดงว่าโจทก์พร้อมที่จะรับมอบบ้านพิพาทนับแต่วันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๒๓ อนึ่งนางสาวอรสา อังคสัญญลักษณ์ ผู้รับมอบอำนาจโจทก์เบิกความยอมรับว่าพยานได้ไปดูบ้านพิพาทครั้งแรกก่อนวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๒๓ ประมาณ ๒ – ๓ เดือน เห็นแต่บ้านไม่มีใครอยู่ แสดงว่าในเดือนพฤษภาคม ๒๕๒๓ จำเลยได้ให้คนงานออกจากบ้านพิพาทตามหนังสือบอกเลิกการเช่าแล้ว และเป็นไปตามความประสงค์ของโจทก์ด้วยจึงต้องถือว่าจำเลยได้ส่งบ้านพิพาทให้โจทก์โดยชอบแล้วอย่างช้าที่สุดภายในวันที่ ๓๑พฤษภาคม ๒๕๒๓ โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองให้ใช้ค่าเสียหายในทรัพย์สินที่เช่าเมื่อวันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๒๓ จึงเกินกำหนดหกเดือน นับแต่วันส่งคืนทรัพย์สินที่เช่า ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๕๖๓
พิพากษายืน