แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยพาผู้เสียหายซึ่งเป็นหญิงอายุ 17 ปีไปเสียจากบิดามารดาของผู้เสียหายเพื่อให้เป็นภรรยาของจำเลย โดยผู้เสียหายเต็มใจไปด้วยและไม่ปรากฏว่าจำเลยมีภรรยาอยู่ก่อนแล้ว การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 319
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นบิดาและผู้แทนโดยชอบธรรมของนางสาวนพพร ทัพวงศ์ อายุ ๑๗ ปีเศษ อยู่ร่วมบ้านเรือนเดียวกันกับโจทก์และนางชิดมารดา จำเลยได้บังอาจพรากเอาตัวนางสาวนพพร ทัพวงศ์ซึ่งมิใช่ภรรยาของจำเลยไปเสียจากความปกครองดูแลของโจทก์และนางชิตเพื่อการอนาจารโดยนางสาวนพพรเต็มใจไปด้วย ต่อมาจำเลยได้กระทำอนาจารและกระทำชำเรานางสาวนพพรจนสำเร็จความใคร่ของจำเลยหลายครั้ง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๑๙ ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ ๑๑ลงวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๑๔ ข้อ ๑๒
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่าคดีมีมูล
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๑๙ และประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ ๑๑ ลงวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน๒๕๑๔ ข้อ ๑๒ จำคุกจำเลย ๑ ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ผู้เสียหายกับจำเลยนัดหมายหนีตามกันไปเพื่ออยู่กินเป็นสามีภรรยากันด้วยความสมัครใจ การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตามฟ้องโจทก์พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องของโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงตามพยานหลักฐานของโจทก์เจือสมพยานหลักฐานของจำเลยว่าจำเลยพาผู้เสียหายไปเพื่อเป็นภรรยาของจำเลยไม่ใช่เพื่อการอนาจารผู้เสียหายเต็มใจไปด้วยและไม่ปรากฏว่าจำเลยมีภรรยาอยู่ก่อนแล้ว การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๑๙ ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว
พิพากษายืน