คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2170/2535

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ผู้ร้องและผู้คัดค้านซึ่งเป็นกรรมการลูกจ้างท้ากันในศาลแรงงานกลางว่า หากศาลฟังข้อเท็จจริงว่า ผู้คัดค้านมีหน้าที่ทำเพชรดิบให้เข้ารูปและมีหน้าที่ซ่อมแซมเพชรที่แผนกอื่นทำบกพร่องและไม่สามารถแก้ไขด้วยตนเองได้แล้วให้เข้ารูปอีกครั้งแล้วส่งไปยังแผนกอื่นต่อไป ให้ถือว่าผู้คัดค้านกระทำผิดตามคำร้องทุกประการ ผู้คัดค้านยอมแพ้ และให้ศาลพิพากษาให้ผู้ร้องเลิกจ้างผู้คัดค้านได้ตามคำร้อง เป็นการที่คู่ความตกลงกันกำหนดประเด็นเสนอศาลเพื่อให้กระบวนพิจารณาคดีเป็นไปโดย รวดเร็วซึ่งศาลแรงงานกลางมีอำนาจกระทำได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 138,183 ประกอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 31 เมื่อศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่า ผู้คัดค้านมีหน้าที่ตรงตามคำท้าจึงต้องถือตามคำท้าว่าผู้คัดค้านกระทำผิดตามคำร้อง โดย ผู้คัดค้านฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานอันเป็นกรณีร้ายแรงและจงใจขัดคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายของผู้ร้องตามคำร้อง และต้องถือตามคำท้าต่อไปว่าผู้คัดค้านยอมแพ้ ศาลแรงงานกลางต้องพิพากษาอนุญาตให้ผู้ร้องเลิกจ้างผู้คัดค้านได้

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า นางสาวรักมณี กุก่อง ซึ่งเป็นกรรมการลูกจ้างกระทำการหลายประการตามเอกสารท้ายคำร้อง อันเป็นการจงใจขัดคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายของนายจ้าง ฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานอันเป็นกรณีร้ายแรง จึงขอให้ศาลอนุญาตให้ผู้ร้องเลิกจ้างนางสาวรักมณี กุก่อง
นางสาวรักมณี กุก่อง แถลงคัดค้าน ขอให้ยกคำร้อง
ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งให้ยกคำร้อง แต่ไม่ตัดสิทธิของผู้ร้องที่จะยื่นคำร้องขออนุญาตลงโทษผู้คัดค้านใหม่ ภายใต้บังคับแห่งบทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยอายุความ ผู้ร้องอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า “ผู้ร้องอุทธรณ์ว่า ในคดีนี้ผู้ร้องและผู้คัดค้านท้ากันในศาลตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลแรงงานกลางลงวันที่ 5 พฤศจิกายน 2534 เพียงข้อเดียวว่า”หากศาลฟังข้อเท็จจริงว่า ผู้คัดค้านมีหน้าที่ทำเพชรดิบให้เข้ารูปและมีหน้าที่ซ่อมแซมเพชรที่แผนกอื่นทำบกพร่องและไม่สามารถแก้ไขด้วยตนเองได้แล้ว ให้เข้ารูปอีกครั้งแล้วส่งไปยังแผนกอื่นต่อไปให้ถือว่าผู้คัดค้านกระทำผิดตามคำร้องทุกประการ ผู้คัดค้านยอมแพ้และให้ศาลพิพากษาให้ผู้ร้องเลิกจ้างผู้คัดค้านได้ตามคำร้อง…”การที่ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงได้ดังกล่าวแต่กลับสั่งว่าความผิดของผู้คัดค้านไม่ร้ายแรงถึงขั้นลงโทษเลิกจ้าง เป็นการสั่งผิดหรือนอกเหนือคำท้านั้น เห็นว่า การท้าดังกล่าวเป็นการที่คู่ความตกลงกันกำหนดประเด็นเสนอศาลเพื่อให้ กระบวนพิจารณาคดีเป็นไปโดย รวดเร็ว ซึ่งศาลแรงงานกลางมีอำนาจกระทำได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 138, 183 ประกอบด้วยพระราชบัญญัติ จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522มาตรา 31 เมื่อศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่าผู้คัดค้านมีหน้าที่ทำเพชรดิบให้เข้ารูปและมีหน้าที่ซ่อมแซมเพชรที่แผนกอื่นทำบกพร่องและไม่สามารถแก้ไขด้วยตนเองได้ให้เข้ารูปอีกครั้งแล้วส่งไปยังแผนกอื่นต่อไป ก็ต้องถือตามคำท้าว่าผู้คัดค้านกระทำผิดตามคำร้องกล่าวคือ ผู้คัดค้านฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานอันเป็นกรณีร้ายแรงและจงใจขัดคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายของผู้ร้องตามคำร้อง และต้องถือตามคำท้าต่อไปว่า ผู้คัดค้านยอมแพ้ให้ศาลพิพากษาให้ผู้ร้องเลิกจ้างผู้คัดค้านได้ตามคำร้อง ที่ศาลแรงงานกลางเห็นว่าความผิดของผู้คัดค้านไม่ร้ายแรงถึงขั้นลงโทษเลิกจ้าง ยังไม่มีเหตุสมควรอนุญาตให้ผู้ร้องเลิกจ้างผู้คัดค้านนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย”
พิพากษากลับ อนุญาตให้ผู้ร้องเลิกจ้างผู้คัดค้านได้ตามคำขอ

Share