คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2170/2516

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

บิดาทำสัญญาต่างตอบแทนให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ของบุตรผู้เยาว์ตลอดชีวิตผู้เช่า โดยมิได้รับอนุญาตจากศาล เป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1546 การให้เช่ามีผลผูกพันบุตรผู้เยาว์เพียง 3 ปี
จำเลยให้การต่อสู้ว่า โจทก์ไม่เคยบอกเลิกสัญญาเช่ากับจำเลยแต่เมื่อศาลชั้นต้นชี้สองสถานและสั่งกำหนดประเด็นนำสืบ ไม่ได้กำหนดประเด็นนำสืบข้อนี้ไว้ และจำเลยก็ไม่ได้โต้แย้งคำสั่งนั้น ดังนี้จำเลยจะยกขึ้นอ้างในชั้นอุทธรณ์ ฎีกาไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226, 249

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทั้งสี่เป็นเจ้าของอาคารเลขที่ ๑๓๐ โจทก์ให้เช่าอาคารดังกล่าวเป็นเวลา ๒๐ ปีมาแล้ว โดยตกลงกันด้วยวาจา เมื่อ ๕ เดือนมานี้จำเลยค้างค่าเช่าเป็นเงิน ๓๐๐ บาท โจทก์จึงขอเลิกการเช่า ให้จำเลยออกไปจากอาคารของโจทก์ จำเลยไม่ยอมออกไป ขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกไปจากอาคารของโจทก์ ให้จำเลยชำระค่าเช่าที่ค้าง และชำระค่าเช่าตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าจะออกไป
จำเลยที่ ๑ ให้การต่อสู้คดี
จำเลยที่ ๒ ให้การและฟ้องแย้งว่าจำเลยที่ ๒ ได้ทำสัญญาต่างตอบแทนกับนายสงวน นิลดำ บิดาโจทก์ โดยจำเลยออกเงินสร้างอาคารขึ้นในที่ดินของโจทก์ และโจทก์ตกลงให้จำเลยเช่าอาคารนี้ตลอดชีวิต ต่อมาโจทก์จะรื้ออาคารนี้เพื่อสร้างตึกใหม่แต่ตกลงกับจำเลยไม่ได้ โจทก์จึงไม่มาเก็บค่าเช่าจากจำเลย จำเลยไม่ใช่ผู้ผิดสัญญา โจทก์มิได้บอกเลิกสัญญากับจำเลย ขอให้ยกฟ้องและบังคับให้โจทก์ไปจดทะเบียนการเช่าห้องพิพาท
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า โจทก์ไม่เคยทำสัญญาต่างตอบแทนกับจำเลย จำเลยเช่าอาคารพิพาทจากโจทก์ตกลงให้เงินกินเปล่าโจทก์หากนายสงวน นิลดำ ทำสัญญาต่างตอบแทนให้จำเลยเช่าเกินกว่า ๓ ปีจริงก็ขัดต่อกฎหมาย เพราะมิได้รับอนุญาตจากศาล ใช้บังคับไม่ได้
โจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องเฉพาะจำเลยที่ ๑ ศาลอนุญาต
ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยและวินิจฉัยว่า นายสงวน นิลดำบิดาเป็นผู้ทำนิติกรรมแทนบุตรผู้เยาว์โดยมิได้รับอนุญาตจากศาล ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๕๔๖ และเป็นโมฆะตามมาตรา ๑๑๓ การเช่ารายนี้ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ โจทก์มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยได้โดยไม่ต้องบอกกล่าวก่อน โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องเรียกค่าเช่า พิพากษาขับไล่จำเลยที่ ๒ และบริวารออกจากอาคารและให้จำเลยที่ ๒ ใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะออกไปจากอาคารพิพาท ให้ยกคำขอของโจทก์ที่ให้จำเลยชำระค่าเช่าที่ค้างถึงวันฟ้อง และยกฟ้องแย้งของจำเลยที่ ๒
จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า แม้จะเป็นสัญญาต่างตอบแทนดังจำเลยอ้าง แต่เป็นการให้สิทธิจำเลยที่ ๒ เช่าอาคารพิพาทรวมทั้งที่ดินของโจทก์อยู่จนตลอดชีวิตของจำเลยที่ ๒ เป็นการให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ของผู้เยาว์เกินกว่า ๓ ปี โดยผู้แทนโดยชอบธรรมมิได้รับอนุญาตจากศาล เป็นการต้องห้ามตามมาตรา ๑๕๔๖แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ การให้เช่าอาคารดังกล่าวของโจทก์มีผลผูกพันโจทก์เพียง ๓ ปี เรื่องการบอกเลิกการเช่านั้น ฟ้องของโจทก์ระบุว่าโจทก์ได้แจ้งเลิกการเช่ากับจำเลยที่ ๒ แล้ว แม้จำเลยที่ ๒ จะให้การว่า โจทก์ไม่เคยบอกเลิกการเช่ากับจำเลยที่ ๒ ก็ตาม แต่เมื่อศาลชั้นต้นชี้สองสถานและสั่งกำหนดประเด็นนำสืบ ไม่ได้กำหนดประเด็นนำสืบในข้อนี้ไว้ จำเลยก็ไม่ได้โต้แย้งคำสั่งนั้น ดังนั้น จะยกขึ้นอ้างในชั้นอุทธรณ์และฎีกาไม่ได้เป็นการต้องห้ามตามมาตรา ๒๒๖ แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
พิพากษายืน

Share