คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2166/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้โจทก์ได้ยื่นเอกสารต่อศาลชั้นต้นโดยมิได้ยื่นบัญชีระบุพยานไว้อันเป็นการมิชอบด้วยกระบวนพิจารณาความก็ตาม แต่ต่อมาโจทก์ได้ยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมอ้างเอกสารดังกล่าวก่อนที่จะสืบพยานโจทก์ซึ่งมีหน้าที่นำสืบก่อนเสร็จ โจทก์จึงมีสิทธิยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 88 วรรคสอง กฎหมายหาได้ห้ามการยื่นบัญชีระบุพยานอ้างเอกสารที่ส่งต่อศาลก่อนแล้วแต่อย่างใดไม่ โจทก์ขอแก้ไขคำฟ้องโดยขอเพิ่มเติมเป็นการอธิบายว่า โจทก์ได้พิมพ์ตัวเลข พ.ศ. ที่จำเลยที่ 1 ขอกู้เพิ่มเติมในสัญญาผิดไปเป็นการบรรยายฟ้องให้ชัดขึ้นเท่านั้นจึงเกี่ยวข้องกับฟ้องเดิมเมื่อคดีไม่มีการชี้สองสถานและโจทก์ขอแก้ไขคำฟ้องก่อนวันสืบพยานโจทก์จึงมีสิทธิขอแก้ไขได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 179,180 แม้จะเป็นข้อที่จำเลยที่ 1 ได้ให้การต่อสู้ไว้เป็นประเด็นสำคัญก็ตาม โจทก์ได้แก้ไขคำฟ้องแล้วว่าโจทก์พิมพ์ พ.ศ. ในสัญญากู้เพิ่มเติมผิดไปเป็นการอธิบายถึงที่มาของปีที่มีการทำสัญญากู้เพิ่มเติมว่าพิมพ์ พ.ศ. ผิด จึงเป็นคำฟ้องที่ชัดแจ้งไม่เคลือบคลุม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2534จำเลยที่ 1 ได้กู้เงินจากโจทก์จำนวน 20,000 บาท ต่อมาเมื่อวันที่30 มิถุนายน 2525 จำเลยที่ 1 ได้กู้เงินโจทก์อีก 165,000 บาทรวมเป็นเงินที่จำเลยที่ 1 กู้ไปทั้งสิ้น 185,000 บาท ในการนี้จำเลยที่ 2 ได้ทำสัญญาค้ำประกันหนี้ของจำเลยที่ 1 โดยยอมรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วม คิดถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2530 จำเลยที่ 1ค้างชำระเงินต้น 165,000 บาท และค้างชำระดอกเบี้ย 146,478.81 บาทรวมเป็นเงิน 311,478.81 บาท โจทก์ทวงถาม จำเลยทั้งสองเพิกเฉยขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน 311,478.81 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยที่ 1 ให้การว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม เพราะวันกู้ครั้งแรกกับวันกู้เพิ่มเติมตามฟ้องไม่ตรงกับหนังสือสัญญากู้ครั้งแรกและสัญญากู้เพิ่มเติม ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 2 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินจำนวน 177,766.85 บาทแก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ย และให้จำเลยที่ 2 ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ในเงินต้น 165,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน 165,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พิเคราะห์แล้ว ปัญหาแรกตามฎีกาของจำเลยที่ 1 มีว่า ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมเอกสารหมาย จ.1 จ.2 และ จ.7 ที่โจทก์ส่งเอกสารดังกล่าวต่อศาลก่อนแล้วชอบหรือไม่ เห็นว่า แม้เอกสาร 3 ฉบับดังกล่าวโจทก์ได้ยื่นต่อศาลชั้นต้นโดยมิได้ยื่นระบุพยานไว้อันเป็นการมิชอบด้วยกระบวนพิจารณาความก็ตาม แต่ต่อมาโจทก์ได้ยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมอ้างเอกสาร 3 ฉบับดังกล่าวก่อนที่จะสืบพยานโจทก์ซึ่งมีหน้าที่นำสืบก่อนเสร็จ โจทก์จึงมีสิทธิยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 วรรคสอง กฎหมายหาได้ห้ามการยื่นบัญชีระบุพยานอ้างเอกสารที่ส่งต่อศาลก่อนแล้วดังที่จำเลยโต้แย้งมาในฎีกาไม่ ศาลชั้นต้นต้องรับเอกสารดังกล่าวไว้พิจารณา
ปัญหาที่สอง คำสั่งของศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้โจทก์แก้ไขคำฟ้องชอบหรือไม่ เห็นว่า คดีนี้โจทก์ได้ยื่นคำร้องขอแก้ไขคำฟ้องโดยขอเพิ่มข้อความในฟ้องข้อ 2 บรรทัดที่ 7 ต่อจากข้อความจำนวนเงิน165,000 บาท ว่า “ซึ่งตามสัญญากู้เงินเพิ่มเติมที่จำเลยที่ 1ทำไว้ให้โจทก์ได้ดีดพิมพ์ พ.ศ. ผิดไปเป็น พ.ศ. 2534” เห็นได้ว่าข้อความที่โจทก์ขอเพิ่มเติมนี้เป็นการอธิบายว่าโจทก์ได้พิมพ์ตัวเลขพ.ศ. ที่จำเลยที่ 1 ขอกู้เพิ่มเติมในสัญญาผิดไปเป็น พ.ศ. 2524เป็นการบรรยายฟ้องให้ชัดขึ้นเท่านั้น จึงเกี่ยวข้องกับฟ้องเดิมเมื่อคดีนี้ไม่มีการชี้สองสถานและโจทก์ได้ยื่นขอแก้ไขคำฟ้องก่อนวันสืบพยาน โจทก์จึงมีสิทธิขอแก้ไขได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 179, 180 แม้จะเป็นข้อที่จำเลยที่ 1 ได้ให้การต่อสู้ไว้เป็นประเด็นสำคัญก็ตาม คำสั่งของศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้โจทก์แก้ไขคำฟ้องนั้นชอบแล้ว
ปัญหาที่สาม ที่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่า ตามคำฟ้องโจทก์กล่าวว่าจำเลยที่ 1 ได้กู้เงินโจทก์เพิ่มเติมเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2525แต่ไม่ตรงกับหนังสือสัญญากู้เพิ่มเติม ลงวันที่ 30 มิถุนายน 2524ตามเอกสารท้ายฟ้อง จึงเป็นคำฟ้องเคลือบคลุมนั้น เห็นว่า คดีนี้โจทก์ได้แก้ไขคำฟ้องแล้วว่าโจทก์ได้พิมพ์ พ.ศ. ในสัญญากู้เพิ่มเติมผิดไปเป็น พ.ศ. 2524 เป็นการอธิบายถึงที่มาของปีที่มีการทำสัญญากู้เพิ่มเติมว่าพิมพ์ พ.ศ. ผิด เป็นการยืนยันไว้ในคำฟ้องว่าจำเลยที่ 1ได้ทำสัญญากู้เพิ่มเติมเมื่อปี พ.ศ. 2525 เป็นคำฟ้องที่ชัดแจ้งไม่เคลือบคลุมดังที่จำเลยที่ 1 ฎีกา
พิพากษายืน

Share