คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2164/2533

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ระหว่างที่ผู้ร้องครอบครองปรปักษ์ที่พิพาท ผู้คัดค้านได้ ไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ ในที่สุดผู้ร้องยอมให้ผู้คัดค้านเข้าทำนาในที่พิพาทต่อไป ซึ่ง แสดงว่าผู้ร้องตัดสินใจไม่เข้าเกี่ยวข้องกับที่ดินพิพาท พฤติการณ์ของผู้ร้องแสดงว่าได้ สละเจตนาครอบครองโดย ปรปักษ์และยอมรับสิทธิของผู้คัดค้านซึ่ง มีชื่อ ในโฉนดที่ดินพิพาทแล้ว ผู้ร้องจะมาอ้างสิทธิครอบครองโดย ปรปักษ์อีกหาได้ไม่.

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งแสดงว่า ที่ดินโฉนดเลขที่8748 เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1382
ผู้คัดค้านยื่นคำร้องคัดค้านว่า ที่ดินตามคำร้องเป็นของผู้คัดค้าน ผู้ร้องเข้ามาอยู่โดยสิทธิอาศัย ผู้ร้องไม่ได้ครอบครองที่ดินพิพาทอย่างเป็นเจ้าของจึงไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงฟังได้ตามที่ผู้ร้องและผู้คัดค้านนำสืบว่า เดิมที่ดินโฉนดเลขที่ 781 ตามเอกสารหมาย ร.1 เป็นของนายสะและมูหะหมัด และนายเฮม มูหะหมัดนางเฟาะ มารดาผู้ร้องได้เข้าครอบครองทำนาส่วนหนึ่ง ต่อมานางเฟาะตายผู้ร้องได้ครอบครองต่อมาตั้งแต่ พ.ศ. 2512 จนถึง พ.ศ. 2527จากนั้นผู้ร้องได้ไปอยู่ที่กรุงเทพมหานคร ระหว่างนั้นทายาทของนายเฮมได้จัดการขอแบ่งแยกเป็นโฉนดย่อยเพิ่มอีก 9 แปลง เฉพาะที่ดินโฉนดเลขที่ 8748 ตามเอกสารหมาย ล.1 ซึ่งเป็นที่ดินพิพาทมีชื่อผู้คัดค้านเป็นเจ้าของ ผู้คัดค้านได้เข้าครอบครองทำนาในที่ดินพิพาทใน พ.ศ. 2527 ต่อมา พ.ศ. 2528 ผู้ร้องได้กลับมาครอบครองที่ดินพิพาทโดยไถนาเตรียมปลูกข้าว ผู้คัดค้านได้ไปแจ้งความที่สถานีตำรวจท้องที่นายการียา ยะมัน กำนันท้องที่ได้ไกล่เกลี่ย ในที่สุดผู้ร้องได้ตัดสินใจไม่เกี่ยวข้องกับที่ดินพิพาท และยอมให้ผู้คัดค้านเข้าครอบครองทำนาในที่ดินพิพาทต่อไป ปรากฏตามบันทึกเอกสารหมาย ล.2พิเคราะห์คำเบิกความของผู้ร้อง และผู้คัดค้านดังกล่าวแล้วเห็นว่า ตามเอกสารหมาย ล.2 ปรากฏว่าผู้ร้องได้ตัดสินใจให้ผู้คัดค้านกับพวกทำนาในที่ดินพิพาทต่อไป ซึ่งแสดงว่าผู้ร้องได้ตัดสินใจไม่เข้าเกี่ยวข้องกับที่ดินพิพาทพฤติการณ์ของผู้ร้องดังกล่าว แสดงว่าผู้ร้องได้สละเจตนาครอบครองโดยปรปักษ์ และยอมรับสิทธิของผู้คัดค้านซึ่งมีชื่อเป็นเจ้าของในโฉนดที่ดินพิพาทตามโฉนดที่ดินเอกสารหมาย ล.1 เมื่อผู้ร้องได้สละเจตนาครอบครองโดยปรปักษ์แล้ว ผู้ร้องจะมาอ้างสิทธิครอบครองโดยปรปักษ์ในที่ดินพิพาทอีกหาได้ไม่ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้ผู้ร้องเป็นฝ่ายแพ้คดีนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.

Share