แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88,90การยื่นบัญชีระบุพยานและการส่งสำเนาเอกสารนั้นใช้บังคับเฉพาะการสืบพยานหลักฐานที่สนับสนุนข้ออ้างข้อเถียงในประเด็นแห่งคดีที่พิพาทไม่ใช้บังคับในการไต่สวนคำร้องที่ไม่เกี่ยวกับประเด็นข้อพิพาทในคดี ก่อนฟ้องคดีโจทก์รู้ว่าจำเลยอยู่บ้านเลขที่ 1274/27 ดังนั้นเมื่อส่งหมายเรียกสำเนาคำฟ้องให้จำเลยที่บ้านเลขที่ 1274/115อันเป็นสำนักทำการงานของจำเลยไม่ได้โจทก์ก็ชอบที่จะขอให้ส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้องให้จำเลย ณ บ้านเลขที่ 1274/27อันเป็นภูมิลำเนาของจำเลย การที่ศาลอนุญาตให้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องโดยประกาศโฆษณาทางหนังสือพิมพ์เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาไม่ชอบ ถือไม่ได้ว่าจำเลยทราบคำฟ้องและวันนัดสืบพยาน กรณีมีเหตุที่จะให้พิจารณาใหม่
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินตามเช็คจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีโจทก์ไปฝ่ายเดียวแล้วพิพากษาให้จำเลยชำระเงินตามเช็คแก่โจทก์
จำเลยยื่นคำร้องว่า จำเลยมิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาเนื่องจากจำเลยมิได้มีภูมิลำเนาอยู่ที่บ้านเลขที่ 1274/115ถนนรามอินทรา แขวงจรเข้บัว เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร ตามฟ้องแต่จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ที่บ้านเลขที่ 1274/27 ถนนรามอินทราแขวงจรเข้บัว เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร ทั้งโจทก์ได้ส่งหมายเรียก สำเนาคำฟ้อง และหมายแจ้งวันนัดสืบพยานโจทก์ตลอดจนแจ้งคำบังคับให้จำเลยทราบโดยวิธีประกาศหนังสือพิมพ์และปิดประกาศที่หน้าศาลแพ่ง จำเลยจึงไม่ทราบว่าถูกโจทก์ฟ้องคดีนี้จนกระทั่งโจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดทรัพย์ของจำเลยที่บ้านเลขที่ 1274/27 เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2530 จำเลยจึงทราบหากจำเลยมีโอกาสได้ต่อสู้คดีก็อาจจะชนะคดีโจทก์ได้ เนื่องจากจำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทในนามของบริษัทสินทรัยพ์ไกรวิทย์ จำกัดจำเลยจึงไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัวทั้งเช็คพิพาททั้งสองฉบับได้สั่งจ่ายให้แก่โจทก์ โดยมิได้มีมูลหนี้อันชอบด้วยกฎหมาย และคดีโจทก์ขาดอายุความ
โจทก์คัดค้านว่า คำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะมิได้คัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาล และจำเลยยื่นคำร้องล่วงเลยระยะเวลาตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208บัญญัติไว้ คือ โจทก์ได้ส่งหมายเรียก สำเนาฟ้อง หมายแจ้งวันนัดสืบพยานโจทก์ตลอดจนแจ้งคำบังคับให้จำเลยทราบ โดยวิธีปิดประกาศโฆษณาโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว เมื่อจำเลยมิได้ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ภายใน 15 วัน นับแต่วันทราบคำบังคับจึงไม่มีอำนาจขอให้พิจารณาใหม่
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งให้พิจารณาใหม่ได้ตามคำร้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “สำหรับในข้อที่จะวินิจฉัยข้อสองนั้น โจทก์ฎีกาว่า ศาลรับฟังเอกสารหมาย ล.5 ถึง ล.10 ไม่ชอบเพราะจำเลยมิได้ระบุพยานและมิได้ส่งสำเนาให้โจทก์ก่อนวันสืบพยานอย่างน้อย3 วัน จึงเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย เห็นว่าการยื่นบัญชีระบุพยานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 และการส่งสำเนาเอกสารตามมาตรา 90 ใช้บังคับเฉพาะการสืบพยานหลักฐานที่สนับสนุนข้ออ้างข้อเถียงในประเด็นแห่งคดีที่พิพาทเท่านั้น ไม่ใช้บังคับในการไต่สวนคำร้องที่ไม่เกี่ยวกับประเด็นข้อพิพาทในคดีหาใช่เป็นดังที่โจทก์ฎีกาไม่
ส่วนในข้อสุดท้ายนั้น จากข้อเท็จจริงที่ได้ความมาแล้วว่า จำเลยเป็นผู้จัดการบริษัทสินทรัพย์ไกรวิทย์ จำกัด ซึ่งมีสำนักงานอยู่เลขที่ 1274/115 ถนนรามอินทรา เขตบางกะปิ และมีบ้านอยู่เลขที่ 1274/27 ถนนและเขตเดียวกัน ฉะนั้น พนักงานเดินหมายอาจส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลย ณ บ้านเลขที่ 1274/115อันเป็นสำนักทำการงานของจำเลยหรือที่บ้านเลขที่ 1274/27 อันเป็นภูมิลำเนาของจำเลยแห่งใดแห่งหนึ่งก็ได้ ทั้งนี้ตามบทบัญญัติประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 74(2) สำหรับที่บ้านเลขที่ 1274/115 อันเป็นสำนักทำการงานของจำเลยนั้นจำเลยมีตัวจำเลยกับนางสาวรัตนา อ่อนพันธุ์ เบิกความว่ามีเคาน์เตอร์ไว้รับหนังสือที่ส่งเข้ามายังบริษัทต่าง ๆ ที่อยู่ในบ้านเลขที่ดังกล่าวโดยมีเจ้าหน้าที่ประจำทุกวันเว้นวันอาทิตย์เจ้าหน้าที่จะลงบัญชีรับหนังสือไว้ในสมุดรับส่งหนังสือตามเอกสารหมายล.5 และนางสาวรัตนาเบิกความว่า ในวันที่ 7 ตุลาคม 2529 ที่พนักงานเดินหมายอ้างว่าไปส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องนั้นพยานเป็นคนประจำเคาน์เตอร์ดังกล่าวซึ่งปกติประจำตั้งแต่เวลา 8.00ถึง 17.30 นาฬิกา ไม่มีพนักงานเดินหมายไปส่งหมายเรียกหรือสำเนาคำฟ้องเลยซึ่งข้อนำสืบเหล่านี้ โจทก์มิได้นำสืบหักล้างอย่างใด แต่นายสมพงษ์ นิธิโสภณ พนักงานเดินหมายเบิกความเป็นพยานโจทก์ตอบทนายจำเลยว่าพยานไปส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องในเรื่องนี้เวลาประมาณ 7 นาฬิกา นอกจากนี้จำเลยเบิกความว่า จำเลยกับโจทก์รู้จักกันมาหลายปี โจทก์เป็นที่ปรึกษาของบริษัทที่จำเลยเป็นผู้จัดการ 2 บริษัท และก่อนโจทก์ฟ้องคดีนี้โจทก์เคยไปบ้านที่จำเลยมีที่อยู่นี้เกี่ยวกับเรื่องคดีนี้และคดีอื่น ซึ่งมีเหตุผลน่าเชื่อที่โจทก์เบิกความว่าไม่รู้จักบ้านจำเลยเป็นการเบิกความลอย ๆ ไม่มีน้ำหนักคดีจึงฟังได้ว่า ก่อนฟ้องคดีนี้โจทก์รู้ว่าจำเลยอยู่ที่บ้านเลขที่ 1274/27 ด้วย ฉะนั้นเมื่อโจทก์ทราบว่าส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยที่บ้านเลขที่ 1274/115 ไม่ได้ โจทก์ก็ชอบที่จะแถลงต่อศาลขอให้ศาลส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลย ณ บ้านเลขที่ 1274/27 ซึ่งเป็นภูมิลำเนาของจำเลยได้มิใช่กรณีที่ไม่มีทางอื่นที่จะส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยได้อันโจทก์จะมีสิทธิขอให้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องโดยวิธีอื่นแทน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79แต่โจทก์กลับยื่นคำแถลงว่าไม่มีทางอื่นใดที่จะส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลย และขอให้ศาลสั่งให้ประกาศโฆษณาทางหนังสือพิมพ์และศาลได้สั่งให้ตามคำขอเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบ ถือไม่ได้ว่าจำเลยทราบคำฟ้องของโจทก์และวันนัดสืบพยานการที่จำเลยมิได้ยื่นคำให้การก็ดี มิได้มาศาลในวันสืบพยานก็ดี จึงมิได้เป็นไปโดยจงใจ มีเหตุที่จะให้พิจารณาใหม่”
พิพากษายืน