คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4480/2553

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

โจทก์กับจำเลยทะเลาะกันรุนแรงถึงขนาดโจทก์ตบตีจำเลยและโจทก์บอกให้จำเลยย้ายออกไปจากบ้านพักที่แฟลตตำรวจไปอยู่ที่บ้านอันเป็นสินสมรสของโจทก์และจำเลย โดยโจทก์โทรศัพท์แจ้งบิดาจำเลยให้มารับจำเลยไป จำเลยได้พาบุตรสาวของโจทก์และจำเลยไปอยู่ด้วย แม้โจทก์และจำเลยจะไม่ได้ติดต่อกันเป็นเวลาเกินกว่า 1 ปี การกระทำของจำเลยยังไม่ถือว่าเป็นการละทิ้งร้างโจทก์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1516 (4) อันจะเป็นเหตุฟ้องหย่าได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้พิพากษาให้โจทก์และจำเลยหย่ากัน ให้โจทก์เป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์ทั้งสองแต่เพียงผู้เดียว ให้แบ่งสินสมรสคนละกึ่งหนึ่งเป็นเงิน 565,000 บาท หากไม่สามารถแบ่งได้ให้นำออกขายทอดตลาดนำเงินมาแบ่งกัน ให้จำเลยชดใช้หนี้ระหว่างสมรสกึ่งหนึ่งเป็นเงิน 490,000 บาท และให้จำเลยส่งมอบพระเลี่ยมทอง (พระพุทธโกสัย) คืนแก่โจทก์ หากไม่สามารถส่งคืนได้ให้ชดใช้ราคาเป็นเงิน 20,000 บาท
จำเลยให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์จำเลยหย่ากัน ให้โจทก์เป็นผู้ชดใช้หนี้สินระหว่างสมรสแต่เพียงผู้เดียว ให้โจทก์และจำเลยเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์ทั้งสองร่วมกัน และให้โจทก์จ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูนายศุภภักดิ์เดือนละไม่ต่ำกว่า 2,500 บาท เด็กหญิงภักดิ์กมลเดือนละ 3,000 บาท จนกว่าบุตรผู้เยาว์ทั้งสองจะบรรลุนิติภาวะ ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 6 แผนกคดีเยาวชนและครอบครัวพิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำขออื่นเสียด้วย (คือ ยกคำขอที่ให้โจทก์และจำเลยหย่ากันและยกคำขอที่ให้โจทก์เป็นผู้ใช้อำนาจปกครองแต่เพียงผู้เดียว) ไม่แบ่งสินสมรสและไม่ให้โจทก์ชดใช้หนี้ระหว่างสมรสเพียงผู้เดียวตามข้อตกลงของโจทก์จำเลย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัววินิจฉัยว่า “…ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยมีตามที่โจทก์ฎีกาว่า โจทก์มีเหตุฟ้องหย่าจำเลยเพราะจำเลยทิ้งร้างโจทก์ไปเกินกว่า 1 ปี หรือไม่ เห็นว่า โจทก์จำเลยนำสืบข้อเท็จจริงรับกันว่า ในขณะเกิดเหตุโจทก์กับจำเลยทะเลาะกันรุนแรงจนถึงขนาดโจทก์ตบตีจำเลยและจำเลยย้ายออกจากบ้านพักของโจทก์ที่เป็นแฟลตตำรวจ ตั้งอยู่ถนนศรีพนมมาศ ตำบลศรีพนมมาศ อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ ไปอยู่ที่บ้าน ตั้งอยู่หมู่ที่ 1 ตำบลบ้านฝาย อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ โดยจำเลยพาเด็กหญิงภักดิ์กมล บุตรสาวของโจทก์และจำเลยไปอยู่ด้วย จนเป็นเหตุให้โจทก์อ้างเป็นเหตุหาว่าจำเลยละทิ้งร้างโจทก์เป็นคดีนั้น โจทก์จำเลยนำสืบข้อเท็จจริงรับกันด้วยว่า การที่จำเลยย้ายออกจากบ้านพักแฟลตตำรวจไปอยู่ที่บ้านที่อำเภอน้ำปาดเป็นเพราะโจทก์บอกให้ย้ายไป โดยโจทก์โทรศัพท์แจ้งบิดาจำเลยให้มารับจำเลยไปและบ้านที่อำเภอน้ำปาดดังกล่าวนั้น ก็เป็นบ้านที่เป็นของโจทก์และจำเลยอันเป็นสินสมรสร่วมกัน ดังนี้ การกระทำของจำเลยไม่ถือว่าเป็นการละทิ้งร้างโจทก์ โจทก์จึงอ้างเป็นเหตุฟ้องหย่าไม่ได้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษามาชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น และไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาข้ออื่นอีกต่อไป เพราะไม่ทำให้ผลแห่งคดีเปลี่ยนแปลง”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.

Share