คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4467/2553

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

การซื้อขายที่ดินตามสัญญาจะซื้อจะขายและสัญญาซื้อขายที่ดินระหว่างโจทก์กับจำเลยเสร็จสมบูรณ์ตามสัญญาแล้ว หลังจากนั้นปรากฏว่าที่ดินที่ซื้อขายและส่งมอบกันแล้วเป็นของบุคคลภายนอกบางส่วน กรณีจึงเป็นเรื่องการรอนสิทธิที่ผู้ขายจะต้องรับผิดตาม ป.พ.พ. มาตรา 475 เมื่อโจทก์ยอมคืนที่ดินให้แก่บุคคลภายนอกจึงต้องฟ้องคดีภายในสามเดือนนับแต่วันที่ยอมตามที่บุคคลภายนอกเรียกร้องตาม ป.พ.พ. มาตรา 481 เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่า วันที่โจทก์ยอมตามที่บุคคลภายนอกเรียกร้องคือกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2545 แต่โจทก์ฟ้องคดีนี้วันที่ 12 กรกฎาคม 2545 จึงเกินสามเดือน ถือว่าคดีโจทก์ขาดอายุความ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้อง จำเลยทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) เนื้อที่ประมาณ 7 ไร่ 2 งาน 37 ตารางวา พร้อมด้วยที่ดินที่ครอบครองอีกประมาณ 7 ไร่ 3 งาน 68 ตารางวา รวม 3 แปลง เนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 15 ไร่ 2 งาน 5 ตารางวา ต่อมานายพิสิษฐ บิดาของจำเลยแจ้งแก่โจทก์ว่าที่ดินที่มีการครอบครองแปลงที่มีเนื้อที่ 5 ไร่ 3 งาน 97 ตารางวา แนวเขตและเนื้อที่ดินไม่ถูกต้อง กล่าวคือ ทางด้านทิศเหนือเป็นของบุคคลภายนอกคิดเป็นเนื้อที่ 1 ไร่ 29 ตารางวา นายพิสิษฐจึงย้ายหลักเขตให้ถูกต้องและแจ้งแก่โจทก์ว่าจะชำระเงินคืนให้โจทก์ แต่นายพิสิษฐไม่ยอมชำระ โจทก์จึงมีหนังสือเรียกร้องเงินจำนวนดังกล่าวคืนจากจำเลย แต่จำเลยเพิกเฉย ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 1,106,105.62 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี จากต้นเงิน 1,072,500 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จสิ้นแก่โจทก์
จำเลยให้การ ฟ้องเคลือบคลุม โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง เนื่องจากโจทก์นำคดีมาฟ้องต่อศาลเมื่อระยะเวลาพ้นกำหนด 3 เดือน นับแต่วันที่เกิดการรอนสิทธิขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้น พิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 1,072,500 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2545 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ดอกเบี้ยนับถึงวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 12 กรกฎาคม 2545) ต้องไม่เกิน 33,515.62 บาท กับให้จำเลยชดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความให้ 5,000 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษากลับให้ยกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…คดีมีปัญหาเรื่องการรอนสิทธิและโจทก์ฟ้องคดีเกินเวลาที่กฎหมายกำหนดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 475 และมาตรา 481 หรือไม่ พิเคราะห์แล้ว ตามคำฟ้องและเอกสารท้ายคำฟ้องโจทก์ ปรากฏว่าสัญญาจะซื้อจะขายและสัญญาซื้อขายที่ดินคดีนี้คู่สัญญาคือโจทก์กับจำเลยและการซื้อขายเสร็จสมบูรณ์ตามสัญญาแล้ว หลังจากนั้นจึงปรากฏว่าที่ดินที่ซื้อขายและส่งมอบกันแล้วเป็นของบุคคลภายนอกบางส่วน กรณีจึงเป็นเรื่องการรอนสิทธิที่ผู้ขายจะต้องรับผิดตามความในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 475 เมื่อโจทก์ยอมคืนที่ดินให้แก่บุคคลภายนอกจึงต้องฟ้องคดีภายในสามเดือนนับแต่วันที่ยอมตามที่บุคคลภายนอกเรียกร้อง ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 481 และข้อเท็จจริงที่โจทก์ไม่โต้แย้งได้ความว่า วันที่โจทก์ยอมตามที่บุคคลภายนอกเรียกร้องคือกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2545 แต่โจทก์ฟ้องคดีนี้วันที่ 12 กรกฎาคม 2545 จึงเกินสามเดือน ดังนี้ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัยว่า คดีขาดอายุความแล้วพิพากษายกฟ้องจึงต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น ปัญหาอื่นไม่จำต้องพิจารณา”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share