คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2163/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยมีหลอดฉีดยาและเข็มฉีดยาซึ่งมีเฮโรอีนติดอยู่แม้เฮโรอีนนั้นจะมีจำนวนเล็กน้อยจนชั่งน้ำหนักไม่ได้ก็ย่อมถือได้ว่าจำเลยมีเฮโรอีนไว้ในครอบครอง
จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 138,296 ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามมาตรา 296 โดยมิได้วินิจฉัยว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 138 ด้วยจึงไม่ถูกต้อง แม้โจทก์มิได้อุทธรณ์ศาลฎีกาก็ชอบที่จะแก้ให้ถูกต้องโดยลงโทษเท่าเดิมได้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2526 เวลากลางวันจำเลยมีเฮโรอีน 1 หลอดหนัก 0.02 กรัมและบรรจุหลอดฉีดยาพร้อมเข็ม 1 ชุดซึ่งไม่อาจชั่งหาน้ำหนักได้ ไว้ในครอบครองโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมายสิบตำรวจตรีชาติชาย พลตำรวจประสิทธิ์กับพวกจับกุมจำเลย จำเลยต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติตามหน้าที่ โดยใช้กำลังประทุษร้ายเป็นเหตุให้สิบตำรวจตรีชาติชายและพลตำรวจประสิทธิ์ได้รับอันตรายแก่กายทั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดฐานมีเฮโรอีน อันเป็นความผิดอื่นที่จำเลยกระทำไว้ ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15,67, 102 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91, 138, 140, 295, 296 และริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ.2522จำคุก 2 ปี และตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 296 จำคุก 6 เดือนรวมจำคุก 2 ปี 6 เดือนลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 หนึ่งในสามคงจำคุก 1 ปี 8 เดือนริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์ริบของกลาง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าเฉพาะข้อหามีเฮโรอีน 1 หลอดนั้นพยานโจทก์มีพิรุธ มีเหตุสงสัยตามสมควร ต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยว่า จำเลยมิได้มีเฮโรอีนดังกล่าวไว้ในครอบครอง ส่วนที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีเฮโรอีนบรรจุในหลอดฉีดยาและในเข็มฉีดยาข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยมีหลอดฉีดยาและเข็มฉีดยาซึ่งมีเฮโรอีนอยู่ภายใน แต่มีจำนวนน้อยไม่อาจชั่งหาน้ำหนักเฮโรอีนได้ เห็นว่าการที่จำเลยมีหลอดฉีดยาและเข็มฉีดยาซึ่งมีเฮโรอีนติดอยู่ แม้จะมีจำนวนเล็กน้อย ย่อมถือได้ว่าจำเลยมีไว้ในครอบครองซึ่งเฮโรอีน จำเลยย่อมมีความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมายตามฟ้องโจทก์ และฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ โดยใช้กำลังประทุษร้ายเจ้าพนักงานนั้นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 138, 296ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามมาตรา 296 โดยมิได้วินิจฉัยว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 138 ด้วยจึงไม่ถูกต้อง โจทก์มิได้อุทธรณ์ในข้อนี้ ศาลฎีกาก็ชอบที่จะแก้ให้ถูกต้องโดยลงโทษเท่าเดิมได้
พิพากษากลับจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ.2522 มาตรา 67 จำคุก 1 ปีและตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 138,296 แต่เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตามมาตรา296 ซึ่งเป็นบทหนักจำคุก 6 เดือนปรับ 1,500 บาทรวมจำคุก 1 ปี6 เดือนปรับ 1,500 บาทลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78หนึ่งในสามคงจำคุก 1 ปีปรับ 1,000 บาทรอการลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 56 ไว้มีกำหนด 2 ปีริบของกลาง.

Share