แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ได้ซื้อรถยนต์จากจำเลยเพื่อนำไปให้บริษัท พ. เช่าซื้อจำเลยสัญญาว่าจะจดทะเบียนแจ้งการจำหน่ายรถยนต์ต่อกรมการขนส่งทางบกแก่โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ และให้บริษัท พ. เป็นผู้ครอบครองใช้รถโดยสัญญาเช่าซื้อพร้อมทั้งส่งมอบแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ ป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีรถยนต์เพื่อให้ผู้เช่าซื้อนำรถยนต์ไปใช้ได้ แต่จำเลยผิดสัญญาไม่จดทะเบียนแจ้งการจำหน่ายรถยนต์ต่อกรมการขนส่งทางบกไม่ดำเนินการจัดให้มีสมุดคู่มือจดทะเบียนรถยนต์แผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์กับป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีรถยนต์และเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการจดทะเบียนและเสียภาษีตามที่ตกลงกับโจทก์ เพราะไม่มีเอกสารสำคัญประจำรถยนต์อยู่ในครอบครอง ทั้งไม่ปรากฏว่าเอกสารนั้นมีคู่ฉบับอยู่ที่กรมการขนส่งทางบกดังนั้นการนำคำพิพากษาของศาลแต่เพียงอย่างเดียวไปแสดงเจตนาแทนจำเลยเพื่อแจ้งจำหน่ายรถยนต์ต่อกรมการขนส่งทางบกโดยไม่มีเอกสารสำคัญของรถยนต์ประกอบเรื่องราวด้วย จึงเป็นการ บังคับบุคคลภายนอกที่มิใช่คู่ความในคดี ต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคลประเภทห้างหุ้นส่วน จำกัดมีจำเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2538 โจทก์ทำสัญญาซื้อรถยนต์จากจำเลยที่ 1 เป็นรถยนต์ยี่ห้ออีซูซุ รุ่นทรูเปอร์ สีเทาดำ หมายเลขเครื่องยนต์ 300715 หมายเลขตัวถัง เจ เอ ซี ยู บี เอส 25 จี ที 8100424 ซึ่งเป็นรถยนต์ใหม่ (ป้ายแดง) ในราคา 1,800,000 บาท ทั้งนี้เพื่อให้โจทก์นำรถยนต์ดังกล่าวออกให้บริษัทโพรเจ็กท์วัน พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ลูกค้าของจำเลยที่ 1 เช่าซื้อโจทก์ชำระราคาครบถ้วนแล้ว แต่จำเลยทั้งสองผิดสัญญาไม่จดทะเบียนรถยนต์และไม่ส่งมอบสมุดคู่มือจดทะเบียนแก่โจทก์ ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันจดทะเบียนรถยนต์คันดังกล่าวและแจ้งจำหน่ายให้มีชื่อโจทก์เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์และให้มีชื่อบริษัทโพรเจ็กท์วัน พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เป็นผู้ครอบครองโดยสัญญาเช่าซื้อต่อทางราชการ และส่งมอบสมุดคู่มือจดทะเบียนรถยนต์คันดังกล่าว พร้อมแผ่นป้ายทะเบียน (โลหะ) กับป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษี และบรรดาเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจดทะเบียนและเสียภาษีแก่โจทก์ หากจำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนากับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสียหายจากการที่โจทก์ไม่ได้รับชำระค่าเช่าซื้อจนถึงวันฟ้องเป็นเงิน 281,776 บาท และค่าเสียหายอีกเดือนละ 35,222 บาท นับถัดจากวันฟ้องไปจนถึงวันที่จำเลยทั้งสองดำเนินการจดทะเบียนรถยนต์ดังกล่าวเสร็จ
จำเลยทั้งสองให้การต่อสู้คดี ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันแจ้งจำหน่ายจดทะเบียนรถยนต์ยี่ห้ออีซูซุ รุ่นทรูเปอร์ สีเทาดำ หมายเลขเครื่องยนต์ 300715 หมายเลขตัวถัง เจ เอ ซี ยู บี เอส 25 จี ที 8100424 ต่อทางราชการให้มีชื่อโจทก์เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ บริษัทโพรเจ็กท์วัน พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เป็นผู้ครอบครองโดยสัญญาเช่าซื้อและส่งมอบสมุดคู่มือจดทะเบียนรถยนต์คันดังกล่าวพร้อมแผ่นป้ายทะเบียน (โลหะ) กับป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีและบรรดาเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจดทะเบียนและเสียภาษีแก่โจทก์ กับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสียหายเดือนละ 8,000 บาท นับแต่วันที่ 24 เมษายน 2539 เป็นต้นไป จนถึงวันที่จำเลยทั้งสองดำเนินการจดทะเบียนรถยนต์พิพาทแก่โจทก์เสร็จนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า จำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคลประเภทห้างหุ้นส่วนจำกัด มีจำเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2538 โจทก์ได้ซื้อรถยนต์ใหม่ป้ายแดงจากจำเลยที่ 1 ยี่ห้ออีซูซุรุ่นทรูเปอร์ สีเทาดำ หมายเลขเครื่องยนต์ 300715 หมายเลข ตัวถัง เจ เอ ซี ยู บี เอส 25 จี ที 8100424 ราคา 1,800,000 บาท เพื่อนำไปให้บริษัทโพรเจ็กท์วัน พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เช่าซื้อ จำเลยที่ 1 สัญญาว่าจะจดทะเบียนแจ้งการจำหน่ายรถยนต์ต่อกรมการขนส่งทางบกแก่โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์และให้บริษัทโพรเจ็กท์วัน พร็อพเพอร์ตี้ จำกัดเป็นผู้ครอบครองใช้รถโดยสัญญาเช่าซื้อ พร้อมทั้งส่งมอบแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ ป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีรถยนต์เพื่อให้ผู้เช่าซื้อนำรถยนต์ไปใช้ได้ แต่จำเลยทั้งสองผิดสัญญาไม่จดทะเบียนแจ้งการจำหน่ายรถยนต์ต่อกรมการขนส่งทางบก ไม่ดำเนินการจัดให้มีสมุดคู่มือจดทะเบียนรถยนต์ แผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์กับป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีรถยนต์และเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการจดทะเบียนและเสียภาษีตามที่ตกลงกับโจทก์
มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า โจทก์ขอให้ศาลพิพากษาว่าหากจำเลยทั้งสองไม่แจ้งจำหน่ายจดทะเบียนรถยนต์ตามฟ้องต่อทางราชการให้มีชื่อโจทก์เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ บริษัทโพรเจ็กท์วัน พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เป็นผู้ครอบครองโดยสัญญาเช่าซื้อและส่งมอบสมุดคู่มือจดทะเบียนรถยนต์พร้อมแผ่นป้ายทะเบียนป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีและเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการจดทะเบียนและเสียภาษีให้แก่โจทก์แล้วให้ถือคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาได้หรือไม่ จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยที่ 1 แจ้งให้โจทก์ทราบว่าจำเลยที่ 1 ยังไม่ได้รับเอกสารทางทะเบียนของรถยนต์คันดังกล่าวจากผู้จำหน่ายรถยนต์คันนั้น จนกระทั่งพิพาทคดีนี้แล้วผู้จำหน่ายรถยนต์นั้นก็ยังไม่มอบเอกสารทางทะเบียนให้จำเลยที่ 1 เห็นว่าจำเลยทั้งสองปฏิเสธโดยชัดแจ้งแล้วว่าจำเลยที่ 1 ไม่มีเอกสารสำคัญประจำรถยนต์อยู่ในครอบครอง ฉะนั้นจำเลยที่ 1 จึงไม่สามารถดำเนินการตามสัญญาให้โจทก์ได้ โจทก์ก็มิได้นำสืบให้ได้ความจริงว่า เอกสารสำคัญประจำรถยนต์พิพาทที่ใช้ประกอบการแจ้งจำหน่ายรถยนต์ต่อกรมการขนส่งทางบกนั้นอยู่ในความครอบครองของจำเลยทั้งสอง ทั้งไม่ปรากฏว่าเอกสารนั้นมีคู่ฉบับอยู่ที่กรมการขนส่งทางบก ดังนั้นการนำคำพิพากษาของศาลแต่เพียงอย่างเดียวไปแสดงเจตนาแทนจำเลยทั้งสองเพื่อแจ้งจำหน่ายรถยนต์ต่อกรมการขนส่งทางบก โดยไม่มีเอกสารสำคัญของรถยนต์ประกอบเรื่องราวด้วย นั้น จึงเป็นการบังคับบุคคลภายนอกที่มิใช่คู่ความในคดีต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 อย่างไรก็ตามโจทก์ยังสามารถขอให้ศาลบังคับคดีเพื่อให้จำเลยทั้งสองปฏิบัติตามคำพิพากษาได้เท่าที่สภาพแห่งหนี้เปิดช่องให้บังคับได้
พิพากษายืน