แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ฟ้องโจทก์ที่บรรยายว่าจำเลยทั้งสองมีอาวุธปืนติดตัวไปด้วยและใช้รถยนต์กระบะเป็นยานพาหนะร่วมกันปล้นทรัพย์ของผู้เสียหายนั้นไม่ครบองค์ความผิดฐานปล้นทรัพย์ แม้ทางพิจารณาจะได้ความว่า จำเลยทั้งสองนั่งรถยนต์กระบะซึ่งมีว.เป็นผู้ขับมากระทำความผิด ก็ลงโทษจำเลยทั้งสองฐานปล้นทรัพย์ไม่ได้ แต่ลงโทษฐานชิงทรัพย์ได้.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองกับพวกร่วมกันมีอาวุธปืนลูกซองไม่มีหมายเลขทะเบียนของเจ้าพนักงานไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และได้พาอาวุธปืนดังกล่าวไปในหมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต จำเลยทั้งสองมีอาวุธปืนติดตัวและใช้รถยนต์กระบะเป็นพาหนะเพื่อความสะดวกในการกระทำผิดร่วมกันปล้นทรัพย์รวมราคา 850,300 บาทของผู้เสียหายซึ่งอยู่ในความครอบครองของนายสวง เณรทองและนายสายรุ้ง ดอนไพรธรรมไปโดยทุจริต ในการปล้นทรัพย์ จำเลยทั้งสองได้ใช้อาวุธปืนยิงนายสายรุ้งถึงแก่ความตายโดยเจตนาฆ่า เพื่อความสะดวกแก่การปล้นปล้นทรัพย์ ฯลฯ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 340, 340 ตรี, 83, 91 และพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯมาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ ริบของกลางและให้จำเลยร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้รับคืนแก่ผู้เสียหาย
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 340 ทวิ วรรคท้าย ประกอบด้วยมาตรา340 ตรี, 83, 91 ลงโทษตามมาตรา 340 ทวิ วรรคท้ายซึ่งเป็นบทหนักให้ประหารชีวิตจำเลยทั้งสอง ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 ประกอบด้วยมาตรา 52 หนึ่งในสาม คงจำคุกจำเลยตลอดชีวิตริบของกลาง ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนจำนวน 300 บาท แก่ผู้เสียหาย ข้อหาอื่นให้ยก
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ยกฟ้องในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 340 ทวิ วรรคท้าย, 340 ตรีด้วยนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันยิงผู้ตายโดยเจตนาฆ่าเพื่อความสะดวกในการลักทรัพย์และพาทรัพย์ไป และวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า โจทก์ฟ้องบรรยายว่าจำเลยทั้งสองมีอาวุธปืนติดตัวไปด้วยและใช้รถยนต์กระบะเป็นยานพาหนะร่วมกันปล้นทรัพย์ของผู้เสียหาย ศาลฎีกาเห็นว่าฟ้องของโจทก์ที่บรรยายหรือกล่าวมาในฟ้องไม่ครบองค์ความผิดฐานปล้นทรัพย์ แม้ทางพิจารณาจะได้ความว่า จำเลยทั้งสองนั่งรถยนต์กระบะซึ่งมีนายวิรัตน์ ศรีนวล เป็นผู้ขับมากระทำความผิด ก็ลงโทษจำเลยทั้งสองฐานปล้นทรัพย์ไม่ได้แต่ลงโทษจำเลยทั้งสองฐานชิงทรัพย์ได้ การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 339วรรคท้าย ประกอบด้วยมาตรา 340 ตรี
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 339 วรรคท้าย ประกอบด้วยมาตรา 340 ตรีเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามมาตรา 339 วรรคท้าย ประกอบด้วย มาตรา 340 ตรี ซึ่งเป็นบทหนักที่สุด ให้ประหารชีวิต จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบด้วย มาตรา 52 คงจำคุกจำเลยทั้งสองไว้ตลอดชีวิต นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.