คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1616/2518

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามปกติอำนาจปกครองย่อมอยู่กับบิดาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1537 การที่โจทก์ฟ้องจำเลยซึ่งเป็นภริยาว่า จำเลยทะเลาะกับโจทก์แล้วหนีออกจากบ้านไปอาศัยอยู่ที่อื่น ขอให้บังคับจำเลยให้ส่งบุตรคืนแก่โจทก์ ก็เป็นการฟ้องเพื่อจะใช้อำนาจปกครองนั่นเอง แต่ศาลจะให้อำนาจปกครองอยู่แก่มารดาก็ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1538(6) หากกรณีส่อแสดงว่าการให้บุตรอยู่กับมารดาจะเป็นการเหมาะสมกว่า(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1225/2508) เมื่อได้ความว่าบุตรอายุเพียง2 ปี ยังไร้เดียงสาและได้อยู่กับจำเลยด้วยดีคลอดมา ไม่ปรากฏข้อบกพร่องเสียหาย การให้บุตรอยู่กับจำเลยระยะนี้บุตรจะได้รับความอบอุ่นมากกว่าอยู่กับโจทก์ และจำเลยก็รับว่าไม่รังเกลียดที่จะให้โจทก์เยี่ยมเยียน จึงควรให้บุตรอยู่ในอำนาจปกครองของจำเลยผู้เป็นมารดาไปก่อน หากมีพฤติการณ์เปลี่ยนแปลงไปโจทก์ก็ชอบที่จะเรียกร้องเอาบุตรคืนได้ ชั้นนี้ศาลย่อมพิพากษายกฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จำเลยจดทะเบียนสมรสกันมีบุตรหนึ่งคนคือเด็กหญิงปวีณา อายุ 2 ปี ต่อมาโจทก์จำเลยทะเลาะกัน และจำเลยหนีออกจากบ้านโจทก์ โจทก์ไปติดต่อขอเยี่ยมบุตรและขอรับบุตรคืนจำเลยไม่ยอมให้ จึงขอให้ศาลบังคับ

จำเลยให้การว่า โจทก์มีภรรยาหลายคนและโจทก์เป็นโรคประสาทเด็กหญิงปวีณาไม่ควรอยู่ในปกครองของโจทก์ จำเลยไม่เคยหวงห้ามในการที่โจทก์ไปเยี่ยมเยียน ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นงดสืบพยานแล้ววินิจฉัยว่า โจทก์เป็นผู้ใช้อำนาจปกครองมีสิทธิกำหนดที่อยู่ของเด็กหญิงปวีณา พิพากษาให้จำเลยส่งเด็กหญิงปวีณาคืนให้โจทก์

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าเด็กหญิงปวีณาเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของโจทก์ ตามปกติอำนาจปกครองย่อมอยู่แก่โจทก์ผู้เป็นบิดาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1537โจทก์ฟ้องเรียกเด็กหญิงปวีณาคืนจากจำเลยก็เพื่อจะใช้อำนาจปกครองนั้นเอง แต่ศาลจะให้อำนาจปกครองอยู่แก่มารดา ก็ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1538(6) หากกรณีส่อแสดงว่าการให้บุตรอยู่กับมารดาจะเป็นการเหมาะสมกว่า ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 1224/2508 ระหว่างนางสุนี ทะรังสร้อย โจทก์นายต่าน ตันวัน จำเลย สำหรับคดีนี้ศาลฎีกาเห็นว่าเด็กหญิงปวีณาอายุเพียง 2 ปี ยังไร้เดียงสา และได้อยู่กับจำเลยด้วยดีตลอดมาไม่ปรากฏข้อบกพร่องเสียหาย การให้เด็กหญิงปวีณาอยู่กับจำเลยในระยะนี้จะได้รับความอบอุ่นมากกว่าอยู่กับโจทก์ และจำเลยก็รับว่าไม่รังเกียจที่จะให้โจทก์เยี่ยมเยียน จึงควรให้เด็กหญิงปวีณาอยู่ในอำนาจปกครองของจำเลยผู้เป็นมารดาไปก่อน หากมีพฤติการณ์เปลี่ยนแปลงไป โจทก์ก็ชอบที่จะเรียกร้องขอเด็กหญิงปวีณาคืนมาได้ต่อไป

พิพากษายืน

Share