แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ในกรณีที่จำเลยตายในระหว่างอุทธรณ์นั้น คดีจะดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปได้ก็ต่อเมื่อมีบุคคลเข้ามาเป็นคู่ความแทนที่ผู้มรณะและศาลจะต้องมีคำสั่งในการที่จะเข้ามาเป็นคู่ความแทนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 42,43 ก่อน เมื่อศาลอุทธรณ์ทำคำพิพากษาแล้วส่งมาให้ศาลชั้นต้นอ่านให้คู่ความฟังโดยมิได้สั่งคำร้องของโจทก์ที่ขอให้เรียกทายาทจำเลยเข้ามาเป็นคู่ความแทนผู้มรณะเสียก่อน เป็นการมิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ว่าด้วยการพิจารณาตามมาตรา 243(2)ประกอบมาตรา 247 ศาลฎีกาย่อมพิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาคดีใหม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นหนี้โจทก์ตามสัญญาบัญชีเดินสะพัดขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 391,288.27 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 261,491.57 บาทนับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระให้โจทก์เสร็จ
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยชำระเงินตามจำนวนที่ได้เบิกเกินบัญชีไปแต่ละครั้งพร้อมด้วยดอกเบี้ยธรรมดาอย่างไม่ทบต้นอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันที่จำเลยเบิกเกินบัญชีไปตามบัญชีกระแสรายวันเอกสารหมาย จ.7 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พยานหลักฐานในสำนวนปรากฏว่า โจทก์ยื่นอุทธรณ์จำเลยได้รับสำเนาอุทธรณ์แล้ว คดีอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ โจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นว่า จำเลยถึงแก่ความตาย ขอให้เรียกนายไพบูลย์ เมฆเสรีวัฒนา บุตรจำเลยเข้ามาเป็นคู่ความแทนผู้มรณะ ศาลชั้นต้นหมายเรียกตามคำร้องนายไพบูลย์เมฆเสรีวัฒนา ยื่นคำแถลงคัดค้าน วันนัดไต่สวน โจทก์และนายไพบูลย์ เมฆเสรีวัฒนา ต่างแถลงไม่ติดใจสืบพยาน ศาลชั้นต้นสั่งให้ส่งสำนวนไปยังศาลอุทธรณ์เพื่อพิจารณาสั่งตามรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2534 ต่อมาศาลอุทธรณ์ทำคำพิพากษาแล้วส่งมาให้ศาลชั้นต้นอ่านให้คู่ความฟังเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2534 โดยมิได้สั่งคำร้องของโจทก์ที่ขอให้เรียกทายาทจำเลยเข้ามาเป็นคู่ความแทนผู้มรณะเสียก่อน ศาลฎีกาเห็นว่า ในกรณีที่จำเลยตายในระหว่างอุทธรณ์นั้น คดีจะดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปได้ก็ต่อเมื่อมีบุคคลเข้ามาเป็นคู่ความแทนที่ผู้มรณะ และศาลจะต้องมีคำสั่งในการที่จะเข้ามาเป็นคู่ความแทนตามนัยมาตรา 42, 44 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งก่อนการที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาคดีไปโดยมิได้ดำเนินการดังกล่าวนั้น เป็นการมิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยการพิจารณาตามมาตรา 243(2) ประกอบมาตรา 247 เป็นการไม่ชอบ”
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาคดีใหม่