แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เจ้าหนี้ตามคำพิพากษามีอำนาจยึดทรัพย์สินอันเป็นกรรมสิทธิของลูกหนี้มาใช้หนี้ตามคำพิพากษาได้เสมอ แม้ลูกหนี้จะได้เอาทรัพย์นั้นไปวางเป็นประกันเงินกู้ หรือจำนำไว้แก่ผู้ใด หรือผู้ใดจะมีบุริมสิทธิหรือสิทธิยึดหน่วงในทรัพย์นั้นอย่างไร ผู้นั้นก็ร้องขอให้ปล่อยทรัพย์นั้นไม่ได้ คงได้แต่เรียกร้องบังคับตามสิทธิได้ในการบังคับคดีตามกำหนดเวลาในกฎหมายว่าด้วยการนั้น
ย่อยาว
คดีนี้โจทก์นำยึดรถยนตร์เลขหมายทะเบียน  ข.ม.๐๑๓๐  อ้างว่าเป็นของจำเลยที่ ๒  ผู้ร้องร้องขัดทรัพย์ว่า รถยนตร์นั้นเป็นของผู้ร้อง  โดยจำเลยที่ ๒  ขายกรรมสิทธิให้แก่ผู้ร้องแล้วและก่อนขายก็ได้มอบรถยนตร์นั้นให้แก่ผู้ร้องเป็นประกันเงินกู้ ๘๐๐๐ บาท  จึงขอให้มีคำสั่งปล่อย
ศาลชั้นต้น  ฟังว่าจำเลยที่ ๒  ยังไม่ได้ขายรถรายพิพาทให้แก่ผู้ร้อง  เป็นแต่เพียงกู้เงินแล้วมอบรถให้ไว้เป็นประกัน  จึงมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า  การมอบรถไว้เป็นประกันเงินกู้นั้นคือการจำนำ  จึงพิพากษากลับให้ศาลชั้นต้นจ่ายเงินค่าขายรถพิพาทตามจำนวนสุทธิให้แก่ผู้ร้องเพื่อชำระหนี้จำนำแก่ผู้ร้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า  เมื่อรถยังเป็นกรรมสิทธิของจำเลยซึ่งโจทก์มีอำนาจยึดได้โดยชอบด้วยกฎหมายดังนี้  ศาลจะสั่งปล่อยทรัพย์ไม่ได้  ส่วนการที่ผู้ร้องจะมีบุริมสิทธิหรือสิทธิยึดหน่วงในทรัพย์รายนั้นอย่างไรนั้น  ผู้ร้องย่อมเรียกร้องบังคับตามสิทธิได้ในการบังคับคดีตามกำหนดเวลาในกฎหมายว่าด้วยการนั้น  จึงพิพากษากลับให้ยกคำร้อง.

