แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ก่อนเกิดเหตุจำเลยขับรถยนต์แซงรถจักรยานยนต์ของโจทก์ตามทางด้านขวาเมื่อถึงซอยเข้าบ้านจำเลย จำเลยได้ขับเลี้ยวซ้ายเข้าซอยซึ่งมีระดับต่ำกว่าถนน ต้องลดความเร็วที่เกิดเหตุมีรอยห้ามล้อรถยนต์จำเลยยาวไม่ถึง 1 เมตร แสดงว่าจำเลยไม่ได้ขับเร็วขณะนั้นเองฝ่ายโจทก์ร่วมขับรถจักรยานยนต์ซึ่งปกติมีความคล่องตัวกว่ารถยนต์มากแซงซ้ายชนรถยนต์ของจำเลยแล้วโจทก์ร่วมกระเด็นข้ามกระโปรงรถยนต์ของจำเลยไปตกที่บริเวณท่อระบายน้ำข้างถนน และรถจักรยานยนต์ของโจทก์ร่วมแฉลบไปชนรั้วบ้าน แสดงว่าโจทก์ร่วมเองเป็นฝ่ายขับรถจักรยานยนต์ด้วยความเร็วและแซงซ้ายมือโดยไม่ใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษเพื่อไม่ให้เกิดเฉี่ยวชนกันได้พฤติการณ์ดังกล่าวฟังไม่ได้ว่าจำเลยประมาท.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ขับรถยนต์ด้วยความประมาทปราศจากความระมัดระวังแซงรถจักรยานยนต์ซึ่งนายปิยะ ศิขรินทร์ ผู้เสียหายเป็นผู้ขับขี่แล้วจำเลยหักรถเลี้ยวซ้ายจะเข้าทางแยกเข้าบ้านของจำเลยตัดหน้าในระยะกระชั้นชิด เป็นเหตุให้รถจักรยานยนต์คันที่ผู้เสียหายขับขี่ชนกับรถยนต์ได้รับความเสียหาย ผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บสาหัส ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300พระราชบัญญัติ จราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 36, 43, 51, 148 และ 157
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522มาตรา 26, 42, 51, 148, 147 กรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 ซึ่งเป็นบทหนัก แต่ให้รอการกำหนดโทษไว้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 มีกำหนด 2 ปี
โจทก์ โจทก์ร่วม จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์และโจทก์ร่วม
โจทก์และโจทก์ร่วมฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ก่อนเกิดเหตุจำเลยขับรถยนต์แซงรถจักรยานยนต์ของโจทก์ร่วมทางขวามือ เมื่อถึงซอยบ้านจำเลย จำเลยขับรถยนต์เลี้ยวซ้ายเข้าซอย ปรากฏตามคำเบิกความของพนักงานสอบสวนว่ารอยห้ามล้อรถยนต์ของจำเลยยาวไม่ถึง 1 เมตร การที่จำเลยจะเลี้ยวเข้าซอยซึ่งมีระดับต่ำกว่าจะต้องลดความเร็วลง และรอยห้ามล้อไม่ถึง 1 เมตร แสดงว่าจำเลยไม่ได้ขับรถเร็วตามโจทก์ฟ้อง ตรงกันข้ามกับการที่โจทก์ร่วมขับขี่รถจักรยานยนต์ซึ่งปกติมีความคล่องตัวกว่ารถยนต์มากแซงซ้ายชนรถยนต์ของจำเลยในขณะจะเลี้ยวซ้ายเข้าซอยบ้านของจำเลย แล้วโจทก์ร่วมกระเด็นข้ามกระโปรงรถยนต์ของจำเลยไปตกที่บริเวณท่อระบายน้ำข้างถนน และรถจักรยานยนต์ของโจทก์ร่วมแฉลบไปชนรั้วบ้าน แสดงว่าโจทก์ร่วมเองเป็นฝ่ายขับขี่รถจักรยานยนต์ด้วยความเร็วและแซงซ้ายมือโดยไม่ใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษเพื่อไม่ให้เกิดเฉี่ยวชนกันได้ พยานหลักฐานของโจทก์และโจทก์ร่วมเท่าที่นำสืบมายังฟังไม่ได้ว่า จำเลยกระทำโดยประมาทตามฟ้อง
พิพากษายืน.