แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การตกลงประนีประนอมยอมความต่อศาลเป็นสิทธิของคู่ความที่จะทำได้และย่อมมีผลผูกพันคู่ความที่ได้ตกลงตามสัญญาประนีประนอมยอมความนั้น แต่จะนำมาอ้างหรือใช้ยันบุคคลภายนอกได้ก็แต่เฉพาะการประนีประนอมยอมความในมูลหนี้อันแท้จริงเท่านั้น เมื่อผู้ร้องนำสืบไม่ได้ว่า หนี้ระหว่างผู้ร้องกับจำเลยมีมูลหนี้อันแท้จริง ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิอ้างคำพิพากษาตามยอมระหว่างผู้ร้องกับจำเลยมายื่นคำขอเฉลี่ยหนี้โจทก์คดีนี้ได้
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน65,205 บาท พร้อมดอกเบี้ยและค่าฤชาธรรมเนียมแก่โจทก์ แต่จำเลยไม่ชำระโจทก์จึงขอหมายบังคับคดีและนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ต่อมานางอำนวย เวชชประสิทธิ์ ผู้ร้อง ยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์โดยอ้างว่าผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาตามยอมของจำเลยในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 1022/2532 ของศาลชั้นต้น ไม่อาจบังคับคดียึดทรัพย์จำเลยได้ เนื่องจากจำเลยไม่มีทรัพย์สินอื่น
โจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยโดยไม่มีหนี้สินกันจริง แต่สมคบกันทำสัญญากู้ แล้วรีบยอมความกันหลังจากโจทก์ยึดทรัพย์จำเลย ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้ว ไม่เชื่อว่าผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้คำพิพากษาของจำเลยโดยมิใช่หนี้สมยอมกัน จึงมีคำสั่งยกคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาในชั้นฎีกาว่า ผู้ร้องในฐานะเจ้าหนี้ตามคำพิพากษามีสิทธิยื่นคำขอเฉลี่ยเงินที่ได้จากการขายทอดตลาด ทรัพย์ของจำเลยเพื่อชำระหนี้ผู้ร้องหรือไม่ หนี้ตามพิพากษาที่ผู้ร้องนำมาเป็นมูลยื่นคำขอนี้ ผู้ร้องนำสืบว่าเป็นเงินกู้ที่จำเลยกู้จากผู้ร้องแล้วไม่ชำระ ผู้ร้องจึงยื่นฟ้องจำเลยต่อศาลคดีถึงที่สุด โดยจำเลยตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์ยอมชำระหนี้โจทก์ แล้วไม่ชำระศาลฎีกาเห็นว่า การตกลงประนีประนอมยอมความต่อศาลเป็นสิทธิของคู่ความที่จะทำได้และย่อมมีผลผูกพันคู่ความที่ได้ตกลงตามสัญญาประนีประนอมยอมความนั้น แต่จะนำมาอ้างหรือใช้ยันบุคคลภายนอกได้ก็แต่เฉพาะการประนีประนอมยอมความในมูลหนี้อันแท้จริงเท่านั้น สำหรับกรณีของผู้ร้องนี้จำนวนหนี้ที่กู้ยืมมีจำนวนถึง 40,000 บาท ซึ่งเป็นจำนวนมากพอสมควร แต่ผู้ร้องยอมให้จำเลยกู้ยืมไปโดยง่าย ๆ ไม่มีหลักประกันแต่อย่างใดและให้กำหนดเวลาชำระหนี้นานถึง 5 ปี การที่จำเลยกู้เงินผู้ร้องดังกล่าว จำเลยจะต้องมีเหตุผลและความจำเป็นในการกู้ แต่ความปรากฏตามหลักฐานในสำนวนว่าเวลาที่จำเลยกู้เงินผู้ร้องนั้น จำเลยอาศัยอยู่กับบุคคลอื่นโดยภรรยาของจำเลยถึงแก่กรรมไปแล้ว บุตรของจำเลยก็มีอาชีพทำงานอยู่ในกรุงเทพมหานครทั้งหมด จำเลยจึงไม่น่าจะมีความจำเป็นที่จะต้องกู้ยืมเงินผู้ร้องแต่ประการใดผู้ร้องอ้างว่าจำเลยกู้เงินไปซื้อไร่ที่จังหวัดกำแพงเพชร แต่ผู้ร้องก็มิได้นำสืบต่อไปให้ได้ความว่ามีการซื้อไร่จริงหรือไม่ หรือจำเลยได้นำเงินที่กู้ไปใช้ในทางใดบ้าง การกู้ยืมที่ผู้ร้องอ้างว่ามีหนังสือสัญญากู้เป็นหลักฐาน แต่ผู้ร้องหาได้นำพยานในสัญญากู้นั้นมาเบิกความเป็นพยานด้วยไม่ การนำสืบของผู้ร้องจึงมีข้อพิรุธไม่น่าเชื่อว่ามีการกู้ยืมกันจริง ผู้ร้องนำสืบไม่ได้ว่าหนี้ระหว่างผู้ร้องกับจำเลยมีมูลหนี้อันแท้จริง น่าเชื่อว่าผู้ร้องกับจำเลยสมคบกันสร้างหลักฐานขึ้น ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิอ้างคำพิพากษาตามยอมระหว่างผู้ร้องกับจำเลยยื่นคำขอเฉลี่ยหนี้โจทก์คดีนี้ได้ ศาลล่างทั้งสองมีคำสั่งพิพากษาชอบแล้วฎีกาของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน