แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยฎีกาว่า ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยออกเช็คให้ ส. เจ้าหนี้ จำเลยมิได้นำสืบถึงว่าเงินหนี้มีอยู่เท่าใด ไม่มีการคิดเงินหนี้สินที่ติดพันกันมาก่อนและหนี้ที่ซื้อเชื่อกันหลายครั้งหลายหน ไม่น่าจะมีจำนวนเงินครบถ้วน 12,000 บาทโดยไม่มีเศษเงินเลยเป็นการวินิจฉัยคำพยานนอกสำนวน คลาดเคลื่อนต่อพยานหลักฐานในสำนวนนั้น แต่จำเลยมิได้ยกเหตุผลขึ้นอ้างอิงเลยว่าศาลอุทธรณ์วินิจฉัยพยานหลักฐานนอกสำนวนอย่างไร หรือคลาดเคลื่อนต่อพยานหลักฐานในสำนวนอย่างไร จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195ประกอบด้วยมาตรา 225
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2523 เวลากลางวัน จำเลยออกเช็คธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด สาขาประตูช้างเผือก ลงวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2523 สั่งจ่ายเงินสดจำนวน 12,000 บาท ชำระหนี้ค่ายืมเงินให้โจทก์ โจทก์นำเช็คดังกล่าวไปขอรับเงินจากธนาคาร แต่ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินทั้งนี้จำเลยออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น เหตุเกิดที่ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว มีคำสั่งประทับฟ้อง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3(1) จำคุกจำเลย 3 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาเฉพาะปัญหาข้อกฎหมาย
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า ที่จำเลยบรรยายฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าการที่จำเลยออกเช็คให้นายสมชายเจ้าหนี้ จำเลยมิได้นำสืบถึงว่าเงินหนี้มีอยู่เท่าใด ไม่มีการคิดเงินหนี้สินที่ติดพันกันมาก่อน และหนี้ที่ซื้อเชื่อกันหลายครั้งหลายหน ไม่น่าจะมีจำนวนเงินครบถ้วน 12,000 บาทโดยไม่มีเศษเงินเลย เป็นการวินิจฉัยนอกสำนวนคลาดเคลื่อนต่อคำพยานหลักฐานในสำนวนไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณาความ แต่จำเลยมิได้ยกเหตุผลขึ้นอ้างอิงเลยว่า ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยพยานหลักฐานนอกสำนวนอย่างไรหรือคลาดเคลื่อนต่อพยานหลักฐานในสำนวนอย่างไร จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 195 ประกอบด้วยมาตรา 225
พิพากษายกฎีกาจำเลย