แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายอ้างว่า จำเลยใช้หนังสะติ๊กยิงถูกตาขวาโจทก์บอดพิการตลอดชีวิต จำเลยฟ้องแย้งว่าโจทก์เข้าไปจักปลาในบริเวณบ้านจำเลยแล้วรื้อก้อนหินที่จำเลยสร้างเป็นเขื่อนกันน้ำเซาะเสาเรือน ขอเรียกค่าเสียหายต้องซื้อก้อนหินและจ้างคนซ่อมเขื่อน ดังนี้ฟ้องแย้งของจำเลยเป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้เยาว์ นางมีณาหรือระเบียบ เขม่นแสง มารดาผู้ใช้อำนาจปกครองฟ้องคดีแทน ขณะที่โจทก์กับบุคคลอื่นเล่นน้ำและดูคนจับปลาในคลองบางกอกน้อย จำเลยได้กระทำการโดยประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง โดยใช้หนังสะติ๊กยิงถูกตาข้างขวาของโจทก์ เป็นเหตุให้ตาขวาของโจทก์บอดพิการตลอดชีวิต ขอคิดค่าเสียหายเป็นเงิน ๕๐๐,๐๐๐ บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระค่าเสียหายจำนวนดังกล่าวพร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า โจทก์กับพวกบุกรุกเข้าไปในบริเวณบ้านจำเลยทำการจับปลาและรื้อก้อนหินที่จำเลยสร้างเป็นเขื่อนป้องกันน้ำเซาะเสาเรือนมิให้ล้น จำเลยห้ามปรามแต่โจทก์ไม่เชื่อฟัง จำเลยยิงหนังสะติ๊กไป ๑ ครั้ง โจทก์หกล้มขณะวิ่งหนี เป็นเหตุให้ตาของโจทก์กระทบแง่หินได้รับบาดเจ็บ จำเลยได้รับความเสียหายจากการกระทำของโจทก์กับพวก โดยจะต้องซื้อหินและจ้างบุคคลอื่นซ่อมแซมเขื่อนหินเป็นเงินไม่น้อยกว่า ๑๑,๐๐๐ บาท ขอให้ยกฟ้องโจทก์และบังคับให้โจทก์ชำระค่าเสียหายเป็นเงิน ๑๑,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่จำเลย
ศาลชั้นต้นสั่งรับคำให้การ ส่วนฟ้องแย้ง เห็นว่าไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิมจึงไม่รับ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายอ้างว่า จำเลยใช้หนังสะติ๊กยิงถูกตาข้างขวาโจทก์บอดพิการตลอดชีวิต ส่วนฟ้องแย้งเป็นเรื่องที่กล่าวหาว่าโจทก์รื้อก้อนหินที่จำเลยสร้างเป็นเขื่อนกั้นน้ำเซาะเสาเรือน ขอเรียกค่าเสียหายกรณีจำเลยจะต้องซื้อก้อนหินและจ้างคนซ่อมเขื่อนให้คงสภาพเดิม ฟ้องแย้งของจำเลยจึงไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนคำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับฟ้องแย้งชอบแล้ว
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ