คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 214/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยรับรองจะรื้อถอนรั้วที่รุกล้ำที่ดินของโจทก์ออกไปนั้น เป็นการแสดงว่ายังเคารพสิทธิครอบครองของโจทก์อยู่ หาใช่เป็นการแย่งการครอบครองไม่ หากจำเลยขัดขืนเถียงสิทธิไม่ยอมรื้อถอนรั้วออกไปเมื่อใด อายุความจึงจะเริ่มนับแต่วันนั้นไป

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินปลูกบ้านร่วมกับผู้มีชื่อ 1 แปลง โดยซื้อจากจำเลยเมื่อ พ.ศ. 2502 และครอบครองตลอดมาเมื่อเดือนพฤษภาคม 2502 จำเลยได้จ้างผู้อื่นทำรั้วที่แนวเขตทิศตะวันตกที่ดินของโจทก์ แต่ปรากฏว่ารั้วตอนหนึ่งรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์ ปรากฏตามแผนที่ท้ายฟ้อง มีราคา 3,000 บาท ได้บอกให้จำเลยทราบ จำเลยรับรองจะรื้อถอนออกไป โจทก์เตือนซ้ำ จำเลยก็รับรองอยู่เช่นนั้นตลอดมา ครั้นเดือนตุลาคม พ.ศ. 2503 โจทก์เตือนอีก จำเลยไม่ยอมรื้อ และท้าทายให้โจทก์ฟ้อง ซึ่งเป็นการแสดงเจตนาจะแย่งเอาที่ดินตอนที่จำเลยรุกล้ำเป็นของตนเสีย จึงขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนรั้วออกไป แล้วทำให้ที่ดินเหมือนเดิม

จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่ใช่เจ้าของที่ดินแปลงพิพาท จำเลยไม่ได้ขายที่ดินให้โจทก์ จำเลยครอบครองที่พิพาทแต่ฝ่ายเดียวตลอดมาฟ้องโจทก์ขาดอายุความ จำเลยไม่เคยรับรองว่าจะรื้อรั้ว

วันนัดชี้สองสถาน โจทก์จำเลยแถลงรับกันว่า จำเลยได้ทำรั้วรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์ตามแผนที่ท้ายฟ้องเมื่อเดือนพฤษภาคม 2502 และที่พิพาทเป็นของโจทก์ ส่วนข้อที่โจทก์ว่าจำเลยเคยรับรองว่าจะรื้อถอนรั้วตามฟ้อง และโจทก์เตือนให้จำเลยรื้อรั้วนั้น จำเลยปฏิเสธ โจทก์ขอสืบพยานในข้อที่จำเลยปฏิเสธ ศาลชั้นต้นเห็นว่าข้อเท็จจริงที่รับกันมาเพียงพอให้วินิจฉัยคดีได้แล้ว ส่วนข้อที่โจทก์ขอสืบพยานนั้นเป็นประเด็นปลีกย่อย แม้จะได้ความตามฟ้องก็ไม่ทำให้การวินิจฉัยเปลี่ยนแปลง ให้งดสืบพยานที่โจทก์ขอสืบเสีย

ศาลชั้นต้นเห็นว่า ที่พิพาทเป็นที่มือเปล่า โจทก์มีแต่สิทธิครอบครอง มูลคดีนี้เป็นเรื่องแย่งสิทธิครอบครอง การฟ้องคดีเพื่อเอาคืนการครอบครอง ต้องฟ้องภายในปีหนึ่ง โจทก์ถูกแย่งการครอบครองเมื่อเดือนพฤษภาคม 2502ฟ้องเมื่อ 6 กุมภาพันธ์ 2504 เกินหนึ่งปีแล้วการที่โจทก์บอกกล่าวให้จำเลยทราบ จำเลยรับรองว่าจะรื้อ แต่ก็ไม่รื้อสักที โจทก์กลับปล่อยให้ล่วงเลยกำหนดเวลาฟ้องร้องเสียเองเช่นนี้ หามีผลให้โจทก์เกิดสิทธิฟ้องคดีเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดไม่พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกาว่า คดีของโจทก์ไม่ขาดอายุความ

ศาลฎีกาเห็นว่า ปัญหาของคดีนี้อยู่ที่ว่า จะเริ่มนับอายุความตั้งแต่เมื่อไร คือ จะนับแต่เมื่อจำเลยเริ่มทำรั้วหรือนับเมื่อจำเลยปฏิเสธไม่ยอมรื้อรั้วที่รุกล้ำ ศาลฎีกาเห็นว่าหากข้อเท็จจริงที่โจทก์ขอสืบฟังได้ การที่จำเลยรับรองว่าจะรื้อรั้วออกไปนั้นเป็นการแสดงว่ายังเคารพต่อสิทธิครอบครองของโจทก์อยู่ จึงหาใช่เป็นการแย่งการครอบครองไม่ การที่รั้วยังอยู่ในที่ดินพิพาทได้เพราะโจทก์ยินยอมในระหว่างที่จำเลยขอผัดการรื้อถอน เป็นการอาศัยอำนาจของโจทก์ จำเลยเพิ่งขัดขืนเถียงสิทธิเมื่อเดือนตุลาคมพ.ศ.2503 นี่เอง เมื่อนับถึงวันฟ้องยังไม่เกิน 1 ปี คดีโจทก์หาขาดอายุความไม่ ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าโจทก์จำเลยรับกันว่า โจทก์ถูกจำเลยแย่งการครอบครองเมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2502 นั้นยังไม่ตรงตามคำแถลงรับของคู่ความ จำเลยเพียงแต่รับว่าทำรั้วรุกล้ำ แต่โจทก์เถียงว่าจำเลยรับรองว่าจะรื้อถอนรั้วออกไปซึ่งข้อนี้จำเลยปฏิเสธ หาได้รับกันว่าจะแย่งการครอบครองไม่ ดังนั้นจึงต้องฟังข้อเท็จจริงต่อไปตามที่โจทก์จำเลยโต้เถียงกันเพื่อวินิจฉัยว่า การแย่งการครอบครองได้เกิดขึ้นเมื่อใด จะวินิจฉัยเสียก่อนว่าขาดอายุความโดยไม่ฟังข้อเท็จจริงที่โต้เถียงกันหาถูกต้องไม่

จึงยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นสืบพยานต่อไปแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

Share