แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
จำเลยใช้รถยนต์บรรทุกของกลางมีน้ำหนักบรรทุกรวมน้ำหนักรถเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้ถึง 18,990 กิโลกรัม โดยไม่นำพา ว่าจะก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงเพียงใดต่อสภาพ ทางหลวงแผ่นดิน ซึ่งเป็นสมบัติส่วนรวมและมีไว้เพื่อประโยชน์ ของสาธารณชน การกระทำดังกล่าว ของจำเลยทำให้ผู้ร่วมใช้ เส้นทางสัญจรไปมาต้องเสี่ยงต่ออันตรายจากสภาพถนนที่ชำรุด ทรุดโทรมง่ายต่อการเกิดอุบัติเหตุและอันตรายที่เกิดจากสภาพ ของรถยนต์บรรทุกที่มีน้ำหนักบรรทุกเป็นจำนวนมากเกินกว่า ที่ผู้ขับขี่จะควบคุมให้แล่นไปได้อย่างปลอดภัย เมื่อจำเลย ใช้รถยนต์บรรทุกของกลางในการกระทำความผิดเพื่อมุ่งแต่ประโยชน์สูงสุดในทางเศรษฐกิจของตนเพียงอย่างเดียวไม่สนใจว่าจะก่อผลกระทบที่เสียหายต่อสังคมอย่างไร ดังนั้นรถยนต์บรรทุกของกลางซึ่งใช้ในการกระทำความผิดจึงเป็นทรัพย์ที่สมควรต้องริบ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติทางหลวงพ.ศ. 2535 มาตรา 61, 73 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33ริบของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติทางหลวงพ.ศ. 2535 มาตรา 61, 73 จำคุก 2 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา นับเป็นเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 เดือนพิเคราะห์รายงานการสืบเสาะแล้ว ไม่รอการลงโทษจำคุกแต่ให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักขัง 1 เดือน แทนตามตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 23 ส่วนของกลางเห็นสมควรไม่ริบและให้คืนแก่เจ้าของ
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ริบของกลาง โดยอัยการพิเศษประจำเขต 3ซึ่งได้รับมอบหมายจากอัยการสูงสุด รับรองให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ริบรถยนต์บรรทุกหมายเลขทะเบียน 80-8120 ชัยภูมิ ของกลาง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกาขอให้ไม่ริบของกลาง โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้น อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาจำเลยว่าสมควรริบรถยนต์บรรทุกหมายเลขทะเบียน 80-8120 ชัยภูมิ ของกลางหรือไม่ จำเลยใช้รถยนต์บรรทุกของกลางมีน้ำหนักรถเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดได้ถึง 18,990 กิโลกรัม โดยไม่นำพาว่าจะก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงเพียงใดต่อสภาพทางหลวงแผ่นดินซึ่งเป็นสมบัติส่วนรวมและมีไว้เพื่อประโยชน์ของสาธารณชน การกระทำดังกล่าวของจำเลยนั้น ทำให้ผู้ร่วมใช้เส้นทางสัญจรไปมาต้องเสี่ยงต่ออันตรายจากสภาพถนนที่ชำรุดทรุดโทรมง่ายต่อการเกิดอุบัติเหตุและอันตรายที่เกิดจากสภาพของรถยนต์บรรทุกที่มีน้ำหนักบรรทุกเป็นจำนวนมากเกินกว่าที่ผู้ขับขี่จะควบคุมให้แล่นไปได้อย่างปลอดภัย เมื่อจำเลยใช้รถยนต์บรรทุกของกลางในการกระทำความผิดเพื่อมุ่งประโยชน์สูงสุดในทางเศรษฐกิจของตนเพียงอย่างเดียวไม่สนใจว่าจะก่อผลกระทบที่เสียหายต่อสังคมอย่างไร ดังนั้นรถยนต์บรรทุกของกลางซึ่งใช้ในการกระทำความผิดจึงเป็นทรัพย์ที่สมควรต้องริบ การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ใช้ดุลพินิจริบรถยนต์บรรทุกคันหมายเลขทะเบียน 80-8120 ชัยภูมิ ของกลางจึงชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน