คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2138/2499

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การยักยอกทรัพย์ที่จะเป็นผิดกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 319(3) นั้นจะต้องปรากฏว่าจำเลยได้รับมอบหมายทรัพย์โดยฐานะที่มีหน้าที่อันเกี่ยวแก่สาธารณชน
จำเลยเป็นแต่เพียงสมุห์บัญชีสหกรณ์ซึ่งเป็นนิติบุคคลเท่ากับเป็นลูกจ้างกินเงินเดือนของบริษัทนิติบุคคลในการค้าเท่านั้น หาได้เกี่ยวแก่สาธารณชนแต่ประการใดไม่ การกระทำของจำเลยจึงเข้าเกณฑ์ความผิดตาม มาตรา 319(1) ไม่ใช่ 319(3)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและเพิ่มเติมฟ้องว่าจำเลยเป็นสมุห์บัญชีและผู้รักษาการแทนผู้จัดการร้านสหกรณ์นครศรีธรรมราชจำกัดสินใช้อันเป็นนิติบุคคลที่ได้จดทะเบียนตามพระราชบัญญัติสหกรร์ จำเลยรับมอบหมายให้มีหน้าที่ในการจัดการรับจ่ายเก็บรักษาเงินอันได้จากการขายสินค้าแล้วจัดการนำเงินที่รับลงบัญชีจ่ายรับเก็บรักษาบัญชีซื้อขายสินค้า ฯลฯ จำเลยขายบุหรี่ 5,968.86 บาท และมีเจตนาทุจริตเบียดบังยักยอกเอาเงินค่าบุหรี่นั้นไว้เป็นประโยชน์ตนเสียโดยมิได้นำเงินลงบัญชีตามหน้าที่ ผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ขอให้ฟ้องจำเลยแล้ว ขอให้ลงโทษตามกฎหมายอาญา มาตรา 319(3) ฯลฯ

จำเลยปฏิเสธ

วันนัดสืบพยานโจทก์ ทนายจำเลยว่าได้ชำระเงินค่าเสียหายให้เสร็จแล้วประธานกรรมการร้านสหกรณ์แถลงต่อศาลว่าได้รับเงินค่าเสียหายตามจำนวนที่กล่าวไว้ในฟ้องแล้ว ไม่ติดใจดำเนินคดีขอถอนคำร้องทุกข์ โจทก์ว่าเป็นคดีอาญาแผ่นดิน ขอดำเนินคดีต่อไป

ศาลล่างทั้งสองเห็นว่าความผิดของจำเลยตามฟ้องเป็นความผิดส่วนตัวตามกฎหมายอาญา มาตรา 319(1) มิใช่มาตรา 319(3) เมื่อผู้เสียหายถอนคำร้องทุกข์ไม่ติดใจว่ากล่าวแล้วคดีย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2) โจทก์ไม่มีสิทธิดำเนินคดีต่อไป พิพากษายกฟ้อง

โจทก์ฎีกาว่าจำเลยมีหน้าที่ในการจัดการร้านและเก็บรักษาจ่ายเงินอันเป็นการกระทำโดยฐานที่มันมีหน้าที่ตามกฎหมายอาญา มาตรา 319(3) โจทก์มีสิทธิดำเนินคดีต่อไปได้

ศาลฎีกาเห็นว่าที่จะเป็นความผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 319(3)นี้จะต้องปรากฏว่าจำเลยได้รับมอบหมายทรัพย์โดยฐานที่มีหน้าที่อันเกี่ยวแก่สาธารณชน จำเลยเป็นแต่เพียงสมุห์บัญชีซึ่งเท่ากับเป็นลูกจ้างกินเงินเดือนของบริษัทนิติบุคคลในการค้ำเท่านั้นหาได้เกี่ยวแก่สาธารณชนแต่ประการใดไม่ กรณีความผิดของจำเลยจึงเข้าอยู่ตามกฎหมายอาญา มาตรา 319(1) หาใช่มาตรา 319(3) ไม่พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ยกฎีกาโจทก์

Share