คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2137/2547

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในระหว่างที่ศาลอ่านบันทึกคำให้การให้พยานฟัง หากพยานจะขอแก้ไขคำเบิกความส่วนใดที่เห็นว่าไม่ถูกต้องย่อมเป็นสิทธิของพยานที่จะแถลงต่อศาล ถ้าคู่ความฝ่ายใดเน้นว่าการขอแก้ไขดังกล่าวไม่ถูกต้องอย่างไรต้องแถลงโต้แย้งไว้เพื่อศาลจะได้ใช้ดุลพินิจว่าคำเบิกความดังกล่าวว่าสมควรรับฟังได้เพียงใด เมื่อจำเลยไม่ได้โต้แย้งไว้ ทั้งจำเลยและทนายจำเลยยังได้ลงลายมือชื่อรับรองความถูกต้องของข้อความในบันทึกคำให้การพยานที่ศาลบันทึกไว้ ซึ่งต้องถือว่าจำเลยยอมรับการแก้ไขดังกล่าวและต้องฟังเป็นยุติว่าพยานเบิกความไว้ตามที่บันทึกแก้ไขไว้นั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 67, 102 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 91 และริบอาวุธปืนของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 66 วรรคหนึ่ง พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72 วรรคหนึ่ง, 72 ทวิ วรรคสอง เป็นการกระทำผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานมียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายกระทงหนึ่ง ซึ่งความผิดดังกล่าวเป็นความผิดหลายบท แต่ละบทมีอัตราโทษเท่ากัน ให้ลงโทษฐานจำหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 จำคุก 5 ปี ฐานมีอาวุธปืนไม่มีเครื่องหมายทะเบียนไว้ในครอบครอง จำคุก 1 ปี ฐานพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน และทางสาธารณะ จำคุก 1 ปี รวมจำคุก 7 ปี คำให้การในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 4 ปี 8 เดือน ริบอาวุธปืนของกลาง ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงข้อหามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่าย
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่สิบตำรวจเอกยุทธพงษ์เบิกความว่าตรวจค้นได้ธนบัตรที่อ้างว่าเป็นธนบัตรที่ให้สายลับใช้ล่อซื้อได้ที่กระเป๋าเสื้อของจำเลย ส่วนนายดาบตำรวจประหยัดเบิกความในตอนแรกว่าค้นธนบัตรที่ใช้ล่อซื้อได้ในกระเป๋ากางเกงของจำเลย ศาลชั้นต้นอ่านคำให้การสิบตำรวจเอกยุทธพงษ์ก่อน แล้วอ่านคำให้การนายดาบตำรวจประหยัด นายดาบตำรวจประหยัดจึงขอแก้ไขคำให้การจากที่ให้การไว้เดิมว่าค้นพบธนบัตรที่ใช้ล่อซื้อในกระเป๋ากางเกง เป็นในกระเป๋าเสื้อ เป็นการแก้ไขในข้อสำคัญ ศาลอุทธรณ์ภาค 4 ให้เหตุผลว่าจำเลยไม่ได้โต้แย้งไว้ เท่ากับจำเลยยอมรับ จำเลยเห็นว่ามีปัญหาข้อกฎหมายว่าจำเลยต้องโต้แย้งหรือไม่ นั้น เห็นว่า การที่พยานขอแก้ไขคำเบิกความส่วนใดที่เห็นว่าไม่ถูกต้องเป็นสิทธิของพยานปากนั้น หากคู่ความฝ่ายใดเห็นว่าการขอแก้ไขดังกล่าวไม่ถูกต้องอย่างไรต้องโต้แย้งไว้เพื่อศาลจะได้ใช้ดุลพินิจในการรับฟังคำเบิกความดังกล่าวว่าสมควรรับฟังได้เพียงใด เมื่อจำเลยไม่ได้โต้แย้งไว้ ทั้งจำเลยและทนายจำเลยยังได้ลงลายมือชื่อรับรองความถูกต้องของข้อความที่บันทึกไว้ ศาลอุทธรณ์ภาค 5 วินิจฉัยว่าถือว่าจำยอมรับการแก้ไขดังกล่าว จึงถูกต้อง ต้องฟังยุติว่าพยานเบิกความไว้ตามที่บันทึกแก้ไขไว้นั้น ส่วนจะรับฟังลงโทษจำเลยได้เพียงใดอยู่ในดุลพินิจการรับฟังพยานหลักฐานในสำนวนทั้งหมดประกอบกัน ซึ่งเป็นเรื่องข้อเท็จจริงทั้งสิ้น ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
อนึ่ง ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาได้มีพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2545 มาตรา 19 ยกเลิกความในมาตรา 66 แห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 และให้ใช้ความใหม่แทน สำหรับคดีนี้โจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่าเมทแอมเฟตามีนมีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์เท่าใด กรณีต้องด้วยบทบัญญัติมาตรา 66 วรรคหนึ่ง ที่แก้ไขใหม่ ซึ่งเป็นบทกำหนดโทษ โดยมีระวางโทษจำคุกตั้งแต่สี่ปีถึงสิบห้าปี หรือปรับตั้งแต่แปดหมื่นบาทถึงสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่ตามกฎหมายเดิมกำหนดโทษไว้ให้ระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ห้าหมื่นบาทถึงห้าแสนบาท กรณีโทษจำคุกจึงต้องใช้กฎหมายที่แก้ไขใหม่ในส่วนที่เป็นคุณบังคับแก่จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยมิได้ฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นอ้างและแก้ไขโดยปรับบทกฎหมายให้ถูกต้อง รวมทั้งแก้ไขโทษเสียใหม่ให้เหมาะสมสอดคล้องกับกฎหมายที่แก้ไขใหม่ได้ด้วย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง (เดิม), 66 วรรคหนึ่ง (ที่แก้ไขใหม่) วางโทษจำคุกจำเลย 4 ปี ลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ให้หนึ่งในสามแล้ว คงจำคุกจำเลย 2 ปี 8 เดือน รวมโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนแล้ว คงจำคุกจำเลย 4 ปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4.

Share