แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่จำเลยคดีนี้กระทำความผิดตาม พ.ร.บ. ศุลกากรฯ มาตรา 27 ร่วมกับจำเลยที่ 1 ในคดีก่อนที่ให้การรับสารภาพ แม้ความผิดครั้งเดียวกันนี้ศาลได้ลงโทษปรับจำเลยที่ 1 ในคดีก่อน เป็นเงินสี่เท่าราคาของซึ่งได้รวมค่าอากรเข้าด้วยกันไปแล้วก็ตาม ความผิดของจำเลยคดีนี้ก็หาได้ระงับลงไม่ ศาลจึงต้องลงโทษปรับจำเลยคดีนี้ด้วย โดยปรับจำเลยคดีนี้รวมกับจำเลยที่ 1 ในคดีก่อนเป็นเงินสี่เท่าราคาของซึ่งได้รวมค่าอากรเข้าด้วยแล้ว และต้องถือว่าค่าปรับจำเลยคดีนี้เป็นจำนวนเดียวกันกับค่าปรับจำเลยที่ 1 ในคดีก่อน แต่ต้องกำหนดเงื่อนไขในการบังคับโทษปรับคดีนี้ว่า หากจำเลยที่ 1 ในคดีก่อนชำระค่าปรับหรือถูกกักขังแทนค่าปรับไปแล้วเพียงใดก็ให้นำมาหักออกจากโทษปรับของจำเลยคดีนี้ได้ ทั้งเพื่อมิให้เป็นการลงโทษปรับจำเลยทั้งสองคดีนี้รวมกันเป็นเงินเกินกว่าสี่เท่าราคาของซึ่งได้รวมค่าอากรเข้าด้วยแล้ว และต้องกำหนดเงื่อนไขในการบังคับโทษปรับด้วยว่า ในกรณีที่ต้องกักขังจำเลยคดีนี้แทนค่าปรับก็ให้แบ่งกักขังจำเลยคดีนี้ได้ไม่เกิน 1 ปี เนื่องจากความผิดตามฟ้องมีผู้ร่วมกระทำผิด 2 คน ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้ลงโทษปรับจำเลยคดีนี้ โดยมิได้ระบุว่าโทษปรับคดีนี้เป็นโทษปรับจำนวนเดียวกับคดีก่อน และมิได้กำหนดเงื่อนไขในการบังคับโทษปรับให้ชัดเจนจึงยังไม่ถูกต้อง
ความผิดของจำเลยคดีนี้และจำเลยที่ 1 ในคดีก่อนในครั้งนี้ ศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาในคดีก่อนให้ริบของกลางและจ่ายรางวัลแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้จับกุมร้อยละยี่สิบของราคาของกลางไปแล้ว สินค้าของกลางในคดีก่อน กับสินค้าของกลางในคดีนี้เป็นทรัพย์สิ่งเดียวกัน เมื่อศาลชั้นต้นสั่งริบของกลางแล้ว และไม่ปรากฏว่าของกลางที่สั่ง ริบนั้นไม่อาจขายได้ จึงต้องจ่ายรางวัลร้อยละยี่สิบของราคาของกลางจากเงินที่ได้จากการขายสินค้าของกลาง ตาม พ.ร.บ. ให้บำเหน็จในการปราบปรามผู้กระทำความผิดฯ มาตรา 7 และมาตรา 8 วรรคสอง ให้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้จับกุมเพียงครั้งเดียว การที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาในคดีนี้ให้จ่ายรางวัลแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้จับกุมร้อยละยี่สิบ ของราคาของกลางหรือค่าปรับอีกจึงเป็นการไม่ชอบ เพราะเป็นการจ่ายรางวัลซ้ำซ้อนเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จะไม่มีคู่ความฝ่ายใดยกขึ้นฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจ ยกขึ้นวินิจฉัยและแก้ไขให้ถูกต้องได้
(วรรคแรกวินิจฉัยโดยมติที่ประชุมใหญ่ของศาลฎีกาครั้งที่ 2/2547)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยกับจำเลยที่ 1 ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1823/2541 ของศาลชั้นต้น ตาม พ.ร.บ. ศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 27 พ.ร.บ. ให้บำเหน็จในการปราบปรามผู้กระทำความผิด พ.ศ. 2489 มาตรา 4, 5, 6, 7, 8, 9 จ่ายเงินรางวัลแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้จับตามกฎหมาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยกระทำความผิดตาม พ.ร.บ. ศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 27 ป.อ. มาตรา 83 ปรับ 220,800 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตาม ป.อ. มาตรา 29, 30 โดยให้จำเลยชำระค่าปรับภายใน 30 วัน มิฉะนั้นให้ยึดทรัพย์สินใช้ค่าปรับ ในระหว่างนี้ให้กักขังแทนค่าปรับไปพลางก่อนเป็นระยะเวลาไม่เกิน 2 ปี ให้จ่ายเงินรางวัลแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้จับร้อยละยี่สิบของราคาของกลางหรือค่าปรับ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งนั่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาข้อกฎหมายต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยประการต่อไปว่า ศาลลงโทษปรับ นายจัน จำเลยที่ 1 ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1823/2541 ของศาลชั้นต้นซึ่งเป็นผู้ร่วมกระทำความผิดกับจำเลยไปแล้วเป็นเงินสี่เท่าราคาของซึ่งได้รวมค่าอากรเข้าด้วยแล้ว เป็นเงิน 220,800 บาท ลดโทษให้กึ่งหนึ่งแล้วคงปรับ 110,400 บาท ศาลจะลงโทษปรับจำเลยในคดีนี้ได้อีกหรือไม่ เพียงใด เห็นว่า พ.ร.บ. ศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 27 บัญญัติให้ปรับ ผู้กระทำความผิดไม่ว่าจะมีผู้ร่วมกระทำความผิดจำนวนกี่คนศาลจะต้องลงโทษสำหรับความผิดครั้งหนึ่ง ๆ ไม่เกินสี่เท่าราคาของซึ่งได้รวมค่าอากรเข้าด้วยแล้วหรือกล่าวอีกนัยหนึ่งต้องลงโทษปรับจำเลยที่ร่วมกระทำความผิดทุกคนรวมกันเป็นเงินสี่เท่าราคาของซึ่งได้รวมค่าอากรเข้าด้วยแล้ว มิใช่แบ่งปรับเป็นรายบุคคลคนละเท่า ๆ กัน หรือปรับคนละสี่เท่าราคาของซึ่งได้รวมค่าอากรเข้าด้วยแล้ว ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยคดีนี้ กระทำความผิดตามฟ้องร่วมกับนายจัน จำเลยที่ 1 ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1823/2541 ของศาลชั้นต้น แม้จะปรากฏว่าความผิดครั้งเดียวกันนี้ศาลได้ลงโทษปรับนายจัน จำเลยที่ 1 ในคดีดังกล่าวเป็นเงินสี่เท่าราคาของซึ่งได้รวมค่าอากร เข้าด้วยแล้วไปแล้วก็ตาม ความผิดของจำเลยคดีนี้ก็หาได้ระงับลงไม่ ศาลฎีกาจึงต้องลงโทษปรับจำเลยคดีนี้ด้วย โดยปรับจำเลยคดีนี้รวมกับนายจัน จำเลยที่ 1 ในคดีดังกล่าวเป็นเงินสี่เท่าราคาของซึ่งได้รวมค่าอากรเข้าด้วยแล้วตามบทกฎหมายดังกล่าวข้างต้นเป็นเงินจำนวน 220,800 บาท ดังที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามา โดยต้องถือว่าค่าปรับ จำเลยคดีนี้เป็นจำนวนเดียวกันกับค่าปรับจำเลยที่ 1 ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1823/2541 ของศาลชั้นต้น แต่ต้องกำหนดเงื่อนไขในการบังคับโทษปรับคดีนี้ว่า หากนายจันจำเลยที่ 1 ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1823/2541 ของศาลชั้นต้น ชำระค่าปรับหรือถูกกักขังแทนค่าปรับไปแล้วเพียงใดก็ให้นำมาหักออกจากโทษปรับของจำเลยคดีนี้ได้ ทั้งนี้เพื่อมิให้เป็นการลงโทษปรับจำเลยทั้งสองคดีรวมกันเป็นเงินเกินกว่าสี่เท่าราคาของซึ่งได้รวมค่าอากรเข้าด้วยแล้ว และต้องกำหนดเงื่อนไขในการบังคับโทษปรับด้วยว่า ในกรณีที่ต้องกักขังจำเลยคดีนี้แทนค่าปรับก็ให้แบ่งกักขังจำเลยคดีนี้ได้ไม่เกิน 1 ปี เนื่องจากความผิดตามฟ้องมีผู้ร่วมกระทำผิด 2 คน ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้ลงโทษปรับจำเลยคดีนี้โดยมิได้ระบุว่าโทษปรับคดีนี้เป็นโทษปรับจำนวนเดียวกับคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1823 /2541 ของศาลชั้นต้น และมิได้กำหนดเงื่อนไขในการบังคับโทษปรับให้ชัดเจนจึงยังไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง ฎีกาของจำเลยข้อนี้ ฟังขึ้นบางส่วน
อนึ่งตามฎีกาของจำเลยและเอกสารแนบท้ายฎีกาซึ่งโจทก์มิได้โต้แย้งปรากฏว่าความผิดของจำเลยและนายจันจำเลยที่ 1 ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1823/2541 ของศาลชั้นต้นในครั้งนี้ ศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาในคดีอาญา หมายเลขแดงที่ 1823/2541 ของศาลชั้นต้น ให้ริบของกลางและจ่ายรางวัลแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้จับกุมร้อยละยี่สิบ ของราคาของกลางไปแล้ว สินค้าปลาป่นของกลางในคดีนี้ดังกล่าวกับสินค้าปลาป่นของกลางในคดีนี้เป็นทรัพย์ สิ่งเดียวกัน เมื่อศาลชั้นต้นสั่งริบของกลางซึ่งเป็นปลาป่นแล้ว และไม่ปรากฏว่าของกลางที่สั่งริบนั้นไม่อาจขายได้ จึงต้องจ่ายรางวัลร้อยละยี่สิบของราคาของกลางจากเงินที่ได้จากการขายสินค้าปลาป่นของกลาง ตาม พ.ร.บ. ให้บำเหน็จในการปราบปรามผู้กระทำความผิด พ.ศ. 2489 มาตรา 7 และ มาตรา 8 วรรคสอง ให้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่ ผู้จับกุมเพียงครั้งเดียว การที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาในคดีนี้ให้จ่ายเงินรางวัลแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้จับกุมร้อยละยี่สิบของราคาของกลางหรือค่าปรับอีกจึงเป็นการไม่ชอบ เพราะเป็นการให้จ่ายรางวัลซ้ำซ้อนเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จะไม่มีฝ่ายใดยกขึ้นฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยและแก้ไขให้ถูกต้องได้
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ปรับจำเลยเป็นเงินจำนวน 220,800 บาท อันเป็นจำนวนเดียวกับค่าปรับในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1823/2541 ของศาลชั้นต้น โดยกำหนดเงื่อนไขในการบังคับโทษปรับคดีนี้ว่า หากจำเลยที่ 1 ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1823/2541 ของศาลชั้นต้น ชำระค่าปรับหรือถูกกักขังแทนค่าปรับในคดีดังกล่าวแล้ว เพียงใดก็ให้นำมาหักออกจากค่าปรับของจำเลยคดีนี้และในกรณีต้องกักขังจำเลยคดีนี้แทนค่าปรับก็ให้แบ่งกักขังจำเลยได้ไม่เกินกำหนด 1 ปี กับให้ยกคำขอของโจทก์ที่ขอให้จ่ายรางวัลแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้จับกุม นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 .