แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกเพียงทำสัญญาจะขายที่ดินอันเป็นทรัพย์มรดก กรรมสิทธิ์ในที่ดินยังไม่โอนไปยังผู้ซื้อจนกว่าจะมีการจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 โจทก์ในฐานะทายาทผู้รับมรดกจึงมีอำนาจฟ้องจำเลยให้แบ่งที่ดินมรดกได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นผู้จัดการมรดกของนายอะเมะตามคำสั่งศาล ก่อนตายนายอะเมะมีที่ดินอยู่ 1 แปลง จำเลยได้มีเจตนาที่จะยักยอกทรัพย์สิน โดยนำที่ดินไปขายแก่บุคคลภายนอกในราคาที่ต่ำกว่าราคาท้องตลาดซึ่งขัดกับความประสงค์ของทายาท เพราะทายาทต้องการนำที่ดินมาแบ่งปันกัน ขอให้บังคับจำเลยแบ่งที่ดินมรดก
จำเลยให้การว่า โจทก์ที่ 3 ที่ 4 ที่ 5 และที่ 6 ไม่ใช่ทายาทโดยธรรมของนายอะเมะ จึงไม่มีอำนาจฟ้อง จำเลยได้ดำเนินการจัดการมรดกโดยนำที่ดินมรดกไปขายในราคา 500,000 บาทซึ่งสูงกว่าราคาท้องตลาดและรับเงินมาครบถ้วนแล้ว การกระทำของจำเลยกระทำไปในฐานะผู้จัดการมรดกโดยชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ยกฟ้องโจทก์ทั้งหก
ศาลชั้นต้นพิพากษา ให้จำเลยแบ่งที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 759 เลขที่ดิน 40 ตั้งอยู่ที่ตำบลเกาะลันตาใหญ่ อำเภออเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ออกเป็น 4 ส่วน ให้แก่โจทก์ที่ 1 ที่ 2 คนละ 1 ส่วน โจทก์ที่ 3ที่ 4 ที่ 5 และที่ 6 จำนวน 1 ส่วน หากไม่สามารถปฎิบัติได้ให้ขายทรัพย์ดังกล่าว แล้วนำเงินมาแบ่งให้ตามส่วนของโจทก์แต่ละคน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติได้ว่าโจทก์ที่ 1 ที่ 2 นายราบี ช้างน้ำ และจำเลยเป็นบุตรของนายอะเมะ ช้างน้ำ ส่วนโจทก์ที่ 3 ถึงที่ 6 เป็นบุตรของนายราบี นายอะเมะ และนายราบีได้ถึงแก่กรรมแล้ว จำเลยเป็นผู้จัดการมรดกตามคำสั่งศาลของนายอะเมะผู้ตาย โดยผู้ตายมีทรัพย์มรดกที่ดิน 1 แปลง คือที่ดิน น.ส. 3 ก.เลขที่ 759มีปัญหาที่ศาลต้องวินิจฉัยตามฎีกาจำเลยว่าโจทก์ทั้งหกมีสิทธิฟ้องขอแบ่งแยกกรรมสิทธิ์ที่ดินอันเป็นทรัพย์มรดกหรือไม่ จากข้อนำสืบของจำเลยแม้จะฟังได้ว่า จำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกได้ทำสัญญาขายที่ดินมรดกให้แก่บุคคลภายนอกตามเอกสารหมาย ล.1 ก็ตาม เห็นว่า สัญญาเอกสารหมาย ล.1เป็นเพียงสัญญาจะซื้อจะขาย กรรมสิทธิ์ยังไม่โอนไปยังผู้ซื้อจนกว่าจะมีการจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 กรณีหาใช่เป็นการจำหน่ายที่ดินมรดกไปก่อนฟ้องแล้วดังที่จำเลยฎีกาไม่ ดังนั้นโจทก์ทั้งหกในฐานะทายาทผู้รับมรดกย่อมจะบังคับเอาแก่ที่ดินมรดกดังกล่าวได้ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน