แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
การตอกเสาเข็มและการขุดดินทำห้องใต้ดินบริเวณก่อสร้างของจำเลยทำให้บ้านของโจทก์และสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่นได้รับความเสียหายแม้จำเลยจะมิได้เป็นผู้ตอกเสาเข็มเอง แต่ก็ได้ว่าจ้างบริษัทอื่นทำและจำเลยควบคุมการตอกเสาเข็มให้ถูกต้องตามจำนวนและตอกตรงจุดที่กำหนดให้ตอก การตอกเสาเข็มดังกล่าวกระทำไปตามคำสั่งหรือคำบงการของจำเลย ความเสียหายที่เกิดขึ้นจึงเกิดจากการกระทำตามคำสั่งของจำเลยโดยตรง จำเลยหาพ้นจากความรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 428 ไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทั้งสองเป็นเจ้าของบ้านเลขที่ 39, 41,41/1-2 ถนนสุขุมวิท 19 จำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 ผู้เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการได้ก่อสร้างอาคารคอนโดมิเนียม ห่างจากรั้วบ้านของโจทก์ประมาณ 3 เมตร การตอกเสาเข็มคอนกรีตและการขุดหลุมดินเพื่อทำฐานรากของจำเลยที่ 1 ทำให้ตัวบ้านของโจทก์ทั้งสามหลังดังกล่าวเสียหายขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ทั้งสอง เป็นเงิน 1,450,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ และให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าวัสดุก่อสร้างและค่าแรงในอนาคตที่เพิ่มขึ้นอีก 30เปอร์เซ็นต์กับค่าเสียหายเดือนละ 10,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยไม่ได้เป็นผู้ตอกเสาเข็มการตอกเสาเข็มเป็นการกระทำโดยชอบไม่ได้เกิดจากความจงใจหรือประมาทเลินเล่อของผู้ตอก บ้านโจทก์เป็นบ้านเก่ามากทรุดโทรมตามสภาพขอให้ยกฟ้องโจทก์ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองชำระเงิน695,300 บาทให้แก่โจทก์ พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้อง (25 เมษายน 2526) จนกว่าจะชำระเสร็จ และค่าเสียหายเดือนละ 5,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ คำขออื่นให้ยก จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า สำหรับค่าเสียหายที่จำเลยทั้งสองจะต้องใช้ให้โจทก์ทั้งสองเป็นรายเดือน ให้จำเลยทั้งสองชำระเดือนละ 3,000 บาทนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ทั้งสอง นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าการตอกเสาเข็มและการขุดดินทำห้องใต้ดินบริเวณก่อสร้างของจำเลยทำให้บ้านของโจทก์และสิ่งปลูกสร้างอย่างอื่นได้รับความเสียหาย จริงอยู่จำเลยมิได้เป็นผู้ตอกเสาเข็มเอง แต่ก็ได้ว่าจ้างบริษัทอื่นทำ อย่างไรก็ตามจำเลยที่ 2 ได้เบิกความว่า จำเลยมีหน้าที่ควบคุมการตอกเสาเข็มให้ถูกต้องตามจำนวนและตอกตรงจุดที่กำหนดให้ตอก จึงเห็นได้ว่าการตอกเสาเข็มดังกล่าวกระทำไปตามคำสั่งหรือคำบงการของจำเลยความเสียหายที่เกิดขึ้นจึงเกิดจากการกระทำตามคำสั่งของจำเลยทั้งสองโดยตรง จำเลยทั้งสองจึงหาพ้นจากความรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 428 ดังที่จำเลยฎีกาไม่ ปัญหาว่าค่าเสียหายของโจทก์มีเพียงใดนั้น ศาลฎีกาได้พิจารณาจากรายละเอียดความเสียหายตามหลักวิชาเอกสารหมาย จ.24 ของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าซึ่งนายสุธนและนายพินิตเป็นผู้จัดทำและประเมินราคาไว้ประกอบกับภาพถ่ายความเสียหายหมาย จ.15 (รวม 60 ภาพ) และรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2527 ที่ศาลชั้นต้นออกไปเผชิญสืบดูความเสียหายของบ้านโจทก์ซึ่งปรากฏว่าได้รับความเสียหายจริงแล้ว เชื่อว่าความเสียหายที่ประเมินราคาไว้ตามเอกสารหมาย จ.24ซึ่งคิดเป็นเงินรวม 695,300 บาท นั้นเป็นจำนวนที่ใกล้เคียงกับความเสียหายที่แท้จริงที่โจทก์ได้รับ จึงให้จำเลยชดใช้ความเสียหายจำนวนดังกล่าวให้แก่โจทก์ ส่วนค่าขาดประโยชน์จากการให้ผู้อื่นเช่าบ้านเลขที่ 41 ของโจทก์ ปรากฏว่าโจทก์ยังไม่ได้ให้ผู้ใดเช่าที่โจทก์เบิกความว่า มีชาวต่างประเทศเสนอขอเช่าบ้านเลขที่ 41ในอัตราค่าเช่าเดือนละ 12,000 บาท แต่โจทก์กลัวจะเกิดความเสียหายแก่ผู้เช่าเนื่องจากการก่อสร้างของจำเลย โจทก์จึงไม่ยอมให้เช่านั้นเป็นแต่เพียงการคาดหมายของโจทก์เท่านั้น ยังถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้รับความเสียหายจากการขาดประโยชน์ในค่าเช่าที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าขาดประโยชน์ดังกล่าวให้แก่โจทก์ทั้งสองเดือนละ 3,000 บาท ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาจำเลยในส่วนนี้ฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสองไม่ต้องชดใช้ค่าขาดประโยชน์จากค่าเช่าเดือนละ 3,000 บาทให้แก่โจทก์ทั้งสอง นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์