คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2133/2545

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นรับคำให้การของจำเลยเมื่อพ้นกำหนดเวลาที่จะยื่นคำให้การได้ และศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง มีผลเท่ากับศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การ ซึ่งเมื่อสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การแล้ว ก็ไม่จำต้องสั่งไม่รับคำให้การจำเลยอีก คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวยังอยู่ในขั้นตอนของคำสั่งไม่อนุญาตให้ยื่นคำให้การ มิใช่คำสั่งไม่รับคำให้การของจำเลยอันจะถือเป็นคำสั่งไม่รับคำคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 จึงเป็นคำสั่งในระหว่างพิจารณาก่อนที่ศาลชั้นต้นจะได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดคดี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226(1)

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากบ้านเลขที่ 89/99 หมู่ที่ 3 ตำบลบางศรีเมือง อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี ให้จำเลยชำระเงิน 5,000 บาทและค่าเสียหายอีกเดือนละ 1,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องแก่โจทก์

ในวันนัดให้การแก้ข้อหาแห่งคดีและนัดสืบพยานโจทก์เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2543 ผู้รับมอบฉันทะจากทนายจำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอ้างว่าทนายจำเลยติดต่อว่าความที่ศาลอื่น ศาลชั้นต้นอนุญาตให้เลื่อนไปนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 28 สิงหาคม2543 และอนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การภายในเวลา 7 วัน ตามขอ

วันที่ 3 กรกฎาคม 2543 ทนายจำเลยยื่นคำร้องว่าเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2543 ทนายจำเลยเดินทางไปทำธุระที่จังหวัดเพชรบูรณ์ แล้วเดินทางกลับมายื่นคำให้การในวันที่ 30 มิถุนายน 2543 ไม่ทัน จำเลยมิได้จงใจยื่นคำให้การเกินกำหนด ขอให้ศาลรับคำให้การที่ยื่นมาพร้อมคำร้อง

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง กับมีคำสั่งในคำให้การของจำเลยว่า จำเลยยื่นคำให้การเมื่อพ้นกำหนดเวลาที่ศาลอนุญาต จึงไม่รับคำให้การ

จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง

ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลย

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า… เห็นว่า คดีนี้จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นรับคำให้การจำเลยโดยจำเลยยื่นคำร้องดังกล่าวเมื่อพ้นกำหนดเวลาที่จะยื่นคำให้การได้ ศาลชั้นต้นยกคำร้อง จึงมีผลเท่ากับศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การ ซึ่งเมื่อสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การแล้ว ก็ไม่จำต้องสั่งไม่รับคำให้การจำเลยอีก คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวยังอยู่ในขั้นตอนของคำสั่งไม่อนุญาตให้ยื่นคำให้การ มิใช่คำสั่งไม่รับคำให้การของจำเลย อันจะถือเป็นคำสั่งไม่รับคำคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 18 จึงเป็นคำสั่งในระหว่างพิจารณาก่อนที่ศาลชั้นต้นจะได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดคดี ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวในระหว่างพิจารณาคดี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226(1) ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลยชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน โจทก์ไม่แก้ฎีกา จึงไม่กำหนดค่าทนายความชั้นฎีกาให้

Share