คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2131/2534

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติได้ตามที่โจทก์ จำเลยที่ 3 นำสืบว่าทั้งก่อนจับกุมและหลังจับกุม ธ. ได้พยายามขอร้องไม่ให้จับกุม และยึดไม้ที่บรรทุกรถมาอ้างว่าตนเองมีส่วนเป็นเจ้าของ และจะนำเอาไปชำระหนี้ แต่เจ้าพนักงานตำรวจไม่ยินยอม จำเลยที่ 3กับพวกจึงถูกจับกุม และยึดไม้ของกลาง กรณีจึงน่าเชื่อว่า ธ.เป็นเจ้าของไม้ของกลาง จำเลยที่ 3 กับพวกเพียงช่วยเหลือให้ความสะดวกในการขนไม้ของกลาง ดังนี้จำเลยที่ 3 มีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด ตาม ป.อ. มาตรา 86.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484มาตรา 48, 73, 74, 74 จัตวา ที่แก้ไขแล้ว ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 ริบของกลางและจ่ายสินบนนำจับตามกฎหมาย
จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ จำเลยที่ 2 และที่ 3 ให้การปฏิเสธ
หลังจากสืบพยานโจทก์เสร็จ จำเลยที่ 1 หลบหนี ศาลสั่งจำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 1
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 3 มีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 48, 73, 74, 74 จัตวา ที่แก้ไขแล้วประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 จำคุก 8 ปี ของกลางริบ คำขออื่นนอกนี้ให้ยก
โจทก์และจำเลยที่ 3 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์จำเลยที่ 3ด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาจะต้องวินิจฉัยมีว่าจำเลยที่ 3 ได้กระทำความผิดตามฟ้องโจทก์หรือไม่… ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติได้ตามที่โจทก์ จำเลยที่ 3 นำสืบว่า ทั้งก่อนจับกุมและหลังจับกุมนายธีระเดชได้พยายามขอร้องไม่ให้จับกุมและยึดไม้ที่บรรทุกมาอ้างว่าต้นเองมีส่วนเป็นเจ้าของและนำเอาไปชำระหนี้ แต่เจ้าพนักงานตำรวจไม่ยินยอม จำเลยที่ 3 กับพวกจึงถูกจับกุมและยึดไม้ของกลาง กรณีจึงน่าเชื่อว่านายธีระเดชเป็นเจ้าของไม้ของกลางไป จึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86”
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.

Share