คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 213/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สั่งให้ผู้ร้องชำระเงินที่ขาดบัญชีไป ผู้ร้องจึงร้องต่อศาล ศาลชั้นต้นเห็นว่าบัญชีเงินที่ขาดถูกต้อง แต่เมื่อพิจารณาประเด็นข้ออื่นแล้วสั่งให้เพิกถอนคำสั่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่สั่งให้ผู้ร้องชำระเงินรายนี้เสีย ผู้ร้องจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องอุทธรณ์ต่อไปอีก เมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ผุ้แพ้คดีเป็นฝ่ายอุทธรณ์และผู้ร้องได้ยื่นคำแก้อุทธรณ์โต้แย้งเกี่ยวกับบัญชีนี้ว่าไม่ถูกต้องดังที่ได้ร้องคัดค้านไว้แล้วในศาลชั้นต้น ดังนี้ ย่อมมีประเด็นให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยถึงบัญชีนี้ว่าถูกต้องหรือไม่ได้ โยผู้ร้องไม่ต้องอุทธรณ์

ย่อยาว

คดีนี้ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้มีหนังสือยืนยันให้ผู้ร้องทั้งสองชำระเงิน ๑๑๓,๓๒๔ บาท ๓๐ สตางร์ แก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภายในกำหนด ๑๔ วัน นับแต่วันรับหนังสือ โดยอ้างว่านายมิ้นจำเลยผู้ล้มละลายมีสิทธิเรียกร้องเงินรายนี้หากจะคัดค้านก็ให้ร้องคัดค้านต่อศาลภายใน ๑๔ วัน
นายซินเคี้ยงผู้ร้องยื่นคำร้องคัดค้านว่า โรงรับจำนำเชียงฮวดเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียน มีจำเลย ผู้ร้อง และบุคคลอื่นอีกหลายคนเป็นผู้ถือหุ้น จำเลยผู้ล้มละลายเป็นผู้จัดการ นายเกียเล้งเป็นผู้ช่วยผู้จัดการ ผู้ร้องไม่มีหน้าที่ต้องรับผิดชอบในเงินที่ขาดบัญชี บัญชีต่าง ๆ ที่เจ้าพนักงานรักษาทรัพย์นำมาคิดนั้นไม่ถูกต้อง รายการรับและจ่ายลงไว้ไม่ถูก จะใช้บัญชีนั้นเป็นหลักฐานไม่ได้ ส่วนนายเกียเล้ง แซ่เบ๊ ร้องคัดค้านว่า ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยผู้จัดการ ไม่ได้เก็บรักษาเงิน ขอให้ศาลยกคำสั่งเจ้าพนักงานพิทักษืทรัพย์
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยื่นคำแถลงแก้ว่า จำเลยผู้ล้มละลายและครอบครัวอยู่ที่โรงรับจำนำเซียงฮวด ซึ่งผู้ล้มละลายเป็นผู้จัดการกิจการโรงรับจำนำ อยู่ในอำนาจสั่งการหรือสั่งจำหน่ายของผู้ล้มละลาย ถือว่าเป็นทรัพย์สินของผู้ล้มละลาย ซึ่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีอำนาจรวบรวมมาแบ่งให้แก่เจ้าหนี้ของผู้ล้มละลายได้ ตามบัญชีเงินสดก่อนโรงรับจำนำถูกยึด ๑ วัน มีเงินเหลือ ๑๔๘,๙๑๘.๙๕ บาท หักเงินสดที่เจ้าหน้าที่กองหมายยึดมาจากโรงรับจำนำ ๒ ครั้ง กับเงินที่เจ้าพนักงานขอเพิกถอนรวมเป็นเงิน ๓๕,๑๙๕.๖๕ บาท เงินจึงคงขาดบัญชี ๑๑๓,๓๒๔.๓๐ บาท ซึ่งผู้ร้องทั้งสองต้องรับผิด
ศาลแพ่งพิจารณาแล้วฟังว่า บัญชีหมาย จ. ๖ คิดถึงวันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๐๐ มีเงินโรงรับจำนำเหลือ ๔๗,๘๙๑.๖๖ บาท ตามบันทึกบัญชีหมาย จ. ๕ ว่ามีเงินเหลือคิดเพียงวันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๐๐ เป็นเงิน ๑๔๘,๙๑๘.๙๕ บาท ถือได้ว่าถูกต้อง เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าบัญชีผิด นายซินเคี้ยงผู้ร้องไม่ได้เกี่ยวข้องกับโรงรับจำนำ ส่วนนายเกียเล้งผู้ร้องได้จัดการแทนผู้ล้มละลายตังแต่ผู้ล้มละลายหนีไปจนกระทั่งโรงรับจำนำถูกยึดทรัพย์ แต่เงินตามบัญชีนี้เป็นเงินของโรงรับจำนำซึ่งมีหุ้นส่วนหลายคน มิใช่ของจำเลยผู้ล้มละลายผู้เดียว ทั้งจำเลยผู้ล้มละลายถูกฟ้องเป็นส่วนตัว ไม่ได้ฟ้องหุ้นส่วนโรงรับจำนำ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่มีอำนาจยึดเงินทั้งหมดของโรงรับจำนำ มีสิทธิเพียงที่เป็นส่วนของจำเลยผู้ล้มละลายเท่านั้น เมื่อยังไม่ชำระบัญชีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๑๐๖๑ ก็ทราบไม่ได้ว่าจำเลยผู้ล้มละลายมีส่วนเท่าใด จึงมีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งของเจ้าพนักงนพิทักษ์ทรัพย์ที่สั่งให้ผู้ร้องทั้งสองใช้เงิน ๑๑๓,๓๒๔.๓๐ บาท
เจ้าพนักงานพิทักษืทรัพย์อุทธรณ์ว่าผู้ร้องทั้งสองต้องรับผิดในเงินที่ขาดบัญชี และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีอำนาจยึดเงินของโรงรับจำนำเชียงฮวดได้ตามมาตรา ๑๐๙ แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย
ศาลอุทธรณ์เห็นว่านายซินเคี้ยงผู้ร้องไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจการโรงรับจำนำเชียงฮวด บัญชีหมาย จ. ๖ กับบันทึกหมาย จ.๕ เป็นบัญชีไม่ถูกต้อง แม้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะมีอำนาจรวบรวมทรัพย์ของผู้ล้มละลายตามมาตรา ๑๐๙ ก็ดี เจ้าพนักงานพิทักษืทรัพย์ก็ไม่มีอำนาจเรียกร้องเงินจากบัญชีที่ไม่ถูกต้อง และเมื่อหุ้นส่วนยังไม่ชำระบัญชีกัน ก็ไม่ทราบว่าผู้ล้มละลายจะมีส่วนแบ่งหรือไม่เท่าใด แต่เป็นที่เห็นได้ว่าเงินจำนวนนี้ไม่ใช่ส่วนของจำเลยผู้ล้มละลายผู้เดียว เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงยังไม่มีอำนาจเรียกเงินรายนี้จากผู้ร้องทั้งสอง พิพากษายืน
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ฎีกา
ตามฎีกาของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่ว่าศาลอุทธรณ์ไม่มีอำนาจที่จะวินิจฉัยว่าบัญชีหมาย จ.๖ และบัญชีหมาย จ. ๕ ไม่ถูกต้อง นั้น เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์อ้างว่าผู้ร้องมิได้อุทธรณ์เกี่ยวกับบัญชีที่ศาลแพ่งวินิจฉัยฟังมาว่าเป็นบัญชีที่ถูกต้อง คำแก้อุทธรณ์ของผู้ร้องโต้แย้งเกี่ยวกับบัญชี ไม่ทำให้เกิดข้อวินิจฉัยในปัญหาที่ว่าบัญชีนี้ถูกต้องหรือไม่ เพราะผู้ร้องไม่ได้ทำเป็นคำฟ้องอุทธรณ์ ในข้อนี้ศาลฎีกาเห็นว่า ผุ้ร้องชนะคดีในชั้นศาลแพ่ง โดยศาลแพ่งมีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่สั่งให้ผู้ร้องทั้งสองใช้เงินรายนี้ ไม่มีความจำเป็นที่ผู้ร้องจะฟ้องอุทธรณ์ เมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ผู้แพ้คดีเป็นฝ่ายอุทธรณ์ และผู้ร้องได้ยื่นคำแก้อุทธรณ์โต้แย้งเกี่ยวกับบัญชีนี้ว่าไม่ถูกต้องดังที่ได้ร้องคัดค้านไว้แล้วในชั้นศาลแพ่ง ย่อมมีประเด็นให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยถึงบัญชีนี้ว่าถูกต้องหรือไม่ได้
ฯลฯ
พิพากษายืน

Share