คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2128-2129/2522

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นสั่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดก ผู้ร้องจึงร้องสอดขอเข้าเป็นคู่ความในคดีที่ทายาทพิพาทเรื่องแบ่งมรดกกัน ศาลชั้นต้นยกคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ อนุญาตให้ผู้ร้องเข้าเป็นโจทก์ร่วมได้ จำเลยในคดีนั้นฎีกา ระหว่างฎีกาศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งศาลที่ตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดก ให้ศาลพิจารณาคำขอตั้งผู้จัดการมรดกแล้วมีคำสั่งใหม่ ดังนี้ ผู้ร้องจึงไม่มีฐานะเป็นผู้จัดการมรดกและร้องสอด ไม่มีส่วนได้เสียที่จะร้องสอด

ย่อยาว

โจทก์จำเลยเป็นบุตรเจ้ามรดกโต้เถียงกันในคดีนี้ว่าที่ดินเป็นมรดกหรือไม่ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้งโจทก์ที่ 1 ถึง 4 เป็นผู้จัดการมรดกโจทก์ที่ 1 ถึง 4 จึงร้องขอเข้าเป็นคู่ความในคดีนี้ด้วย ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ผู้ร้องเข้าเป็นโจทก์ร่วมได้ จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “การที่ผู้ร้องทั้งสี่ร้องสอดขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม โดยอาศัยเหตุที่ว่าผู้ร้องทั้งสี่ได้รับแต่งตั้งโดยคำสั่งของศาลแพ่งให้เป็นผู้จัดการมรดกของนายเทียนเส็ง ปัตตพงษ์ ตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 7069/2521 จึงมีส่วนได้เสียตามกฎหมายในผลแห่งคดีนี้ แต่บัดนี้ปรากฏว่าศาลอุทธรณ์ได้พิพากษายกคำสั่งของศาลแพ่งดังกล่าว โดยให้ศาลแพ่งดำเนินกระบวนพิจารณาสืบพยานต่อไปแล้วมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี ผู้ร้องทั้งสี่จึงยังไม่มีฐานะเป็นผู้จัดการมรดกอันจะนำมาอ้างว่ามีส่วนได้เสียตามกฎหมายในผลแห่งคดีได้ จึงไม่มีสิทธิที่จะร้องสอดเข้ามาเป็นโจทก์ร่วมในคดีนี้

พิพากษากลับ ให้ยกคำร้องของโจทก์ทั้ง 4

Share