แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์มีคำสั่งและคำพิพากษาให้เลิกสมาคมและตั้งผู้ชำระบัญชีตามคำร้องของผู้ร้องไปแล้วผู้คัดค้านจะฎีกาคัดค้านว่าผู้ที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ชำระบัญชีต่างก็ถูกย้ายไปรับตำแหน่งใหม่และมีบุคคลอื่นย้ายมาแทนในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้นโดยไม่ปรากฏตามหลักฐานที่ผู้ร้องและผู้คัดค้านนำสืบในสำนวนหาได้ไม่
ย่อยาว
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า สมาคมชลประทานราษฎร์ อำเภอระโนด จังหวัดสงขลาจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2509 มีวัตถุประสงค์ตามสำเนาทะเบียนสมาคมท้ายคำร้อง มีนางศิวาภรณ์เป็นประธานกรรมการ เริ่มดำเนินการตั้งแต่ พ.ศ. 2510 สมาคมนี้ได้เป็นหนี้เงินยืมกรมการปกครองเป็นเงิน 2,073,710บาท กรมการปกครองได้ทวงถามหลายครั้งสมาคมก็เพิกเฉย กรมการปกครองจึงสั่งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลารวบรวมหลักฐานให้ผู้ร้องเพื่อร้องต่อศาลขอให้เลิกสมาคมและตั้งผู้ชำระบัญชีผู้ร้องเห็นว่าสมาคมได้เป็นหนี้กรมการปกครองเป็นจำนวนมากไม่สามารถชำระหนี้คืนได้ แม้ทางราชการจะให้การช่วยเหลือต่อไปก็ไม่เป็นประโยชน์แก่สมาชิก เพราะสมาคมไม่ได้บริหารงานให้เป็นไปตามระเบียบข้อบังคับ ดำเนินการส่อไปในทางทุจริต ขอให้ศาลสั่งเลิกสมาคมชลประทานราษฎร์ อำเภอระโนด และตั้งนายอาคมเสมียนตราจังหวัดสงขลา นายฉลองผู้ช่วยเสมียนตราจังหวัดสงขลา และนางสุวรรณดีเสมียนตราอำเภอระโนดเป็นผู้ชำระบัญชีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1293(2)ประกอบด้วยมาตรา 1292(6)
นางศิวาภรณ์ประธานกรรมการและนายเลื่อนเลขานุการยื่นคำร้องคัดค้านว่าสมาคมแห่งนี้เป็นหนี้กรมการปกครองสองล้านบาทเศษ เพราะนายอำเภอระโนดคนก่อนซึ่งเป็นประธานคณะกรรมการควบคุมสมาคมโดยตำแหน่งไม่สนับสนุนกิจการของสมาคม พ่อค้าปุ๋ยในอำเภอระโนดก็กล่าวหาผู้คัดค้าน ทำให้สมาชิกของสมาคมไม่ไว้ใจผู้คัดค้านและไม่ยอมชำระหนี้แก่สมาคม นายอำเภอคนใหม่ให้การสนับสนุนสมาคม แต่ในปีต่อมาเกิดมีหนอนกอและหนูนามากขึ้น ได้ทำลายต้นข้าวในนาเสียหายมาก ในปี พ.ศ. 2516 และ 2517 ได้เกิดอุทกภัยสมาชิกทำนาไม่ได้ผล จึงไม่สามารถชำระหนี้ให้แก่สมาคมได้ ที่ประชุมสมาชิกครั้งสุดท้ายมีมติยืนยันชำระหนี้ให้แก่ทางราชการแต่ขอผ่อนผันไปชั่วระยะหนึ่งและผู้คัดค้านทั้งสองสามารถจัดการสมาคมต่อไปอีกได้ แต่ขอเวลาเร่งรัดหนี้สินไม่น้อยกว่า2 ปี ส่วนการตรวจสอบบัญชีของสมาคมนั้นผู้คัดค้านไม่ขัดข้อง
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว มีคำสั่งให้เลิกสมาคมชลประทานราษฎร์ อำเภอระโนด และตั้งนายอาคมเสมียนตราจังหวัดสงขลา นายฉลองผู้ช่วยเสมียนตราจังหวัดสงขลา และนางสาวสุวรรณดีเสมียนตราอำเภอระโนด จังหวัดสงขลาเป็นผู้ชำระบัญชี
ผู้คัดค้านทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้คัดค้านทั้งสองฎีกาว่า ในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้นนายอาคมนายฉลองและนางสุวรรณดี ต่างก็ถูกย้ายไปรับตำแหน่งใหม่และทางราชการได้ย้ายบุคคลอื่นมาแทนทั้งสามตำแหน่ง ดังนั้น ที่ศาลชั้นต้นสั่งตั้งให้บุคคลทั้งสามดังกล่าวชำระบัญชีตามคำร้อง จึงไม่เป็นการถูกต้องตามคำร้องและคำพิพากษาของศาล
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามหลักฐานที่ผู้ร้องและผู้คัดค้านนำสืบในสำนวนไม่ปรากฏว่าในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น นายอาคม นายฉลองและนางสุวรรณดีต่างได้ถูกโยกย้ายไปรับตำแหน่งใหม่หมดทั้งสามคนดังที่ผู้คัดค้านกล่าวอ้างในฎีกา คำสั่งของศาลชั้นต้นและคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์จึงถูกต้องแล้ว
พิพากษายืน