คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2124/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ซื้อที่ดินได้จากการขายทอดตลาดตามคำสั่งของศาลและได้จดทะเบียนรับโอนที่ดินต่อเจ้าพนักงานที่ดินเรียบร้อยแล้วจำเลยคดีนี้เป็นจำเลยในคดีดังกล่าว และในการขายทอดตลาดนั้นจำเลยร้องคัดค้านการขายทอดตลาดอ้างว่าขายในราคาต่ำ ขอให้ยกเลิกการขาย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง ดังนี้ สิทธิของโจทก์ซึ่งเป็นผู้ซื้อทรัพย์ได้จากการขายทอดตลาดตามคำสั่งของศาลโดยสุจริตย่อมเป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1330โจทก์ย่อมได้ไปซึ่งสิทธิในที่ดินมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินที่ซื้อได้ไม่ว่าคดีที่จำเลยร้องคัดค้านการขายทอดตลาดจะถึงที่สุดแล้วหรือไม่ ในกรณียึดที่ดินขายทอดตลาดตามคำสั่งของศาลนั้น จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินที่ถูกยึดหาอาจยกเหตุเพราะเป็นผู้แย่งการครอบครองที่ดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 ขึ้นต่อสู้สิทธิของโจทก์ซึ่งเป็นผู้ซื้อที่ดินจากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลได้ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดิน น.ส.3 เลขที่ 4 หมู่ที่ 5ตำบลตะเคียนเลื่อน อำเภอเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์โดยซื้อจากการขายทอดตลาดของศาลชั้นต้น จำเลยกับพวกได้บุกรุกเข้าไปปลูกต้นกล้วยในที่ดินของโจทก์ โจทก์ให้จำเลยถอนต้นกล้วยและออกไปจากที่ดินของโจทก์แล้วแต่จำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยถอนต้นกล้วยออกไปจากที่ดินของโจทก์ ห้ามยุ่งเกี่ยวในที่ดินแปลงดังกล่าวอีกต่อไป กับให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายปีละ 12,000 บาทนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะถอนต้นกล้วยออกไปจากที่ดินของโจทก์ หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามก็ให้โจทก์เป็นผู้จัดการถอนต้นกล้วยดังกล่าวเองโดยให้จำเลยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย
จำเลยให้การว่า โจทก์มิได้เป็นเจ้าของที่ดินพิพาท จำเลยยังคงเป็นเจ้าของที่ดินพิพาท เนื่องจากจำเลยได้คัดค้านการขายทอดตลาดทรัพย์ คดีอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลถือได้ว่าโจทก์ยังไม่ได้เป็นผู้ซื้อที่ดินพิพาทได้จากการขายทอดตลาดตามคำสั่งของศาล โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ค่าเสียหายหากจะมีก็ไม่เกิน 100 บาทขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยถอนต้นกล้วยออกจากที่ดิน น.ส.3 เลขที่ 4 หมู่ที่ 5 ตำบลตะเคียนเลื่อน อำเภอเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ ของโจทก์ ห้ามเข้ายุ่งเกี่ยวในที่ดินแปลงดังกล่าวอีกต่อไป กับให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ปีละ4,000 บาท นับแต่วันฟ้อง (17 เมษายน 2530) เป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะถอนต้นกล้วยออกไปจากที่ดินของโจทก์ และเลิกยุ่งเกี่ยวในที่ดินของโจทก์ แต่ค่าเสียหายในส่วนนี้ให้โจทก์เรียกร้องจากจำเลยได้ไม่เกินกว่ากำหนด 5 ปี นับแต่วันที่มีคำพิพากษาเป็นต้นไปคำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า โจทก์ได้ซื้อที่ดิน น.ส.3 แปลงพิพาทจากการขายทอดตลาดตามคำสั่งของศาลชั้นต้นและได้จดทะเบียนรับโอนที่ดินต่อเจ้าพนักงานที่ดินเรียบร้อยแล้วซึ่งจำเลยในคดีนี้เป็นจำเลยในคดีแพ่งดังกล่าว แต่ในการขายทอดตลาดนั้นจำเลยได้ร้องคัดค้านการขายทอดตลาดทรัพย์โดยอ้างว่าขายที่ดินพิพาทในราคาต่ำ ขอให้ยกเลิกการขาย ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้วให้ยกคำร้องของจำเลยที่ขอให้ศาลยกเลิกการขาย มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาจำเลยประเด็นแรกว่าคดีร้องคัดค้านการขายทอดตลาดยังไม่ถึงที่สุด โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยหรือไม่ เห็นว่า สิทธิของโจทก์ซึ่งเป็นผู้ซื้อทรัพย์ได้จากการขายทอดตลาดตามคำสั่งของศาลโดยสุจริตย่อมเป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1330 ดังนั้นโจทก์ย่อมจะได้ไปซึ่งสิทธิในที่ดินพิพาท และปรากฏว่า โจทก์ได้รับโอนที่ดินดังกล่าวเป็นชื่อของโจทก์แล้ว โจทก์ย่อมถือสิทธิมีอำนาจฟ้องจำเลยได้ ฎีกาจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น ส่วนที่จำเลยฎีกาว่าโจทก์ไม่เคยเข้าครอบครองที่ดินพิพาท โจทก์ละเลยถึงวันฟ้องเกินกว่า1 ปี คดีโจทก์ขาดอายุความนั้น เห็นว่า ในกรณียึดทรัพย์ขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลนี้ จำเลยหาอาจยกเหตุเพราะเป็นผู้ครอบครองที่ดินขึ้นต่อสู้สิทธิของโจทก์ซึ่งเป็นผู้ซื้อที่ดินจากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลได้ไม่ ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share