คำสั่งคำร้องที่ 162/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องขอให้ศาลรับรองว่ามีเหตุอันควรฎีกาศาลชั้นต้นมีคำสั่งคำร้องว่า รวม และมีคำสั่งฎีกาว่า ฎีกาจำเลยต้องห้ามฎีกา จึงไม่รับ
จำเลยเห็นว่า ฎีกาที่ว่าโจทก์บอกเลิกสัญญาเช่าโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะจำเลยไม่เคยได้รับหนังสือบอกเลิกสัญญาเช่าตาม เอกสารหมายจ.5 และ จ.6 แต่อย่างใดเนื่องจากจำเลยได้ย้ายภูมิลำเนาไปจาก จังหวัดพิจิตรตั้งแต่ปีพ.ศ. 2530 แล้ว โจทก์ทั้งสี่จึง ไม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้ได้นั้น เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่จำเลย ยกขึ้นว่ากล่าว มาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ทั้งสี่แถลงคัดค้าน (อันดับ 85 แผ่นที่ 2)
โจทก์ทั้งสี่ฟ้องว่าจำเลยปฏิบัติผิดสัญญาเช่าโดยไม่ยอมจ่ายเงินผลประโยชน์ตอบแทนให้แก่โจทก์ทั้งสี่ตาม สัญญาเช่าข้อ 3.2 ขอบังคับ ให้จำเลยและบริวารออกไป จากที่ดินที่เช่า โดยให้จำเลยรื้อถอน สิ่งปลูกสร้างในที่ดิน ตามสัญญาเช่าออกไปด้วยและเรียกค่าเสียหาย
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างในที่ดินตาม หนังสือรับรองการทำประโยชน์เลขที่ 96 ตำบลในเมืองอำเภอเมืองพิจิตร จังหวัดพิจิตร เนื้อที่ 2 ไร่ 1 งาน6 ตารางวา ตามสัญญาเช่าภายใน 1 เดือน นับแต่วันนี้(30 ธันวาคม 2535) ให้จำเลยส่งมอบที่ดินคืนให้แก่โจทก์ทั้งสี่ในสภาพเรียบร้อย สำหรับคำขอของโจทก์ที่ให้โจทก์ทั้งสี่ มีอำนาจรื้อถอนได้โดยให้จำเลยเป็นผู้เสียค่าใช้จ่ายหากจำเลยไม่รื้อถอน นั้น เป็นเรื่องในส่วนการบังคับคดีที่โจทก์จะต้องดำเนินการต่อไป คำขอของ โจทก์นอกจากนี้ให้ยก
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องขอให้รับรองฎีกา
ศาลชั้นต้นสั่งคำร้องและสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 78,76)
จำเลยยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 80)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้เป็นคดีฟ้องขับไล่จำเลยออกจากอสังหาริมทรัพย์ อันอาจให้เช่าได้ในขณะยื่นคำฟ้อง ไม่เกินเดือนละ 10,000 บาท ศาลอุทธรณ์รับฟัง คำเบิกความของโจทก์ที่ 1ซึ่งเบิกความประกอบ หนังสือบอกกล่าวเลิกสัญญาเช่าและใบตอบรับทางไปรษณีย์เอกสารหมายจ.5, จ.6 แล้วเชื่อว่าโจทก์ทั้งสี่ ได้บอกเลิก สัญญาเช่ากับจำเลยแล้ว จำเลยฎีกาโต้เถียงว่า โจทก์ไม่มีพยานบุคคลอื่นใดมาสนับสนุนข้ออ้าง ของโจทก์ และว่าจำเลยไม่ทราบการบอกกล่าวเพราะได้ย้าย ภูมิลำเนา ไปแล้ว ทั้ง ๆ ที่จำเลยมิได้สืบพยานอย่างใด เนื่องจากในชั้นพิจารณา จำเลยแถลงไม่ติดใจสืบพยาน ฎีกาของจำเลยจึงเป็นฎีกาในข้อเท็จจริงต้องห้าม ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคหนึ่งและวรรคสองศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาชอบแล้ว ยกคำร้อง

Share