แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ประเพณีการค้าของธนาคารพานิชย์นั้น ถ้าไม่ปรากฎว่าคู่กรณีฝ่ายหนึ่งได้รู้จะนำเอาประเพณีนั้นมามัดคู่กรณีฝ่ายนั้นให้นอกเหนือไปจากข้อตกลงในสัญญาไม่ได้.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำสัญญากับโจทก์ให้โจทก์ซึ่งเป็นธนาคารเปิดเครดิตให้ค้าผ้าที่จำเลยสั่งซื้อจากบริษัทขายผ้าในสหรัฐอเมริกาเป็นเงิน ๙,๕๙๕ เหรียญอเมริกัน โดยให้จ่ายเมื่อบริษัทขายผ้ายื่นตั๋วเงินจ่ายเมื่อเห็น พร้อมด้วย ใบตราสั่งบัญชีกำกับสินค้า บัญชีบรรจุของ และกรมธรรม์ประกันภัย อันเป็นเอกสารแสดงการส่งลงเรือแล้วซึ่งผ้ากากีค๊อตตอนทวิลล์ ๑๐,๐๐๐ หลา จำเลยสัญญาว่าเมื่อโจทก์ได้เปิดเครดิตจ่ายเงินนี้แล้วจำเลยจะใช้เงินให้โจทก์ตามตั๋วสั่งจ่ายที่ออกตามมา โจทก์ได้มีคำสั่งไปยังตัวแทนของโจทก์ในสหรัฐอเมริกาให้จ่ายเงินแทนโจทก์ตามสัญญาที่ทำไว้กับจำเลย ต่อมาบริษัทผ้าได้ยื่นตั๋วสั่งจ่ายเงินเมื่อเห็นเป็นค่าผ้า ๙,๕๙๕ เหรียญ พร้อมด้วยเอกสารการสั่งของลงเรือครบถ้วนแล้ว ซึ่งผ้ากากีค๊อตตอนทวิลล์ ตัวแทนโจทก์ จึงจ่ายเงินให้ไปตามตั๋วและได้ติดหักบัญชีกับโจทก์ ครั้นผ้ามาถึงกรุงเทพฯ โจทก์จึงนำตั๋วเงินสลักหลังของบริษัทขายผ้าพร้อมด้วยเอกสารส่งของลงเรือไปเก็บเงินจากจำเลย ๆ ปฏิเสธไม่ยอมจ่ายโดยอ้างว่าผ้าส่งมาผิดไปจากคำสั่ง เหรียญอเมริกันที่โจทก์จ่ายแทน จำเลยไปนั้นเมื่อหักกับเงินที่จำเลยวางไว้กับโจทก์แล้ว จำเลยยังเป็นหนี้โจทก์ ๑๖๙,๘๑๐.๒๕
บ.และโจทก์ยังออกค่าใช้จ่ายไปอีก ๒๒๓.๘๙ บ. ขอให้บังคับจำเลยใช้เงินสองจำนวน
จำเลยให้การต่อสู้และฟ้องแย้งขอให้บังคับโจทก์คืนเงินประกันและค่าใช้จ่ายรวม ๔๑,๔๕๒.๕๔ บ. ให้จำเลย
ศาลแพ่งตั้งประเด็นวินิจฉัย ๓ ข้อ และพิพากษาให้จำเลยใช้เงินโดยวินิจฉัยว่า
๑. ผู้แทนโจทก์ จ่ายเงินแก่บริษัทที่ขายผ้าให้จำเลยไปแล้วตามคำขอเปิดเครดิตที่จำเลยทำไว้แก่โจทก์
๒. ผู้แทนโจทก์จ่ายเงินไปตามข้อตกลงเปิดเครดิตจำเลยไม่อาจปฏิเสธความรับผิดได้
๓. เมื่อจำเลยต้องรับผิด จำเลยก็ไม่มีสิทธิเรียกเงินวางประกันและค่าใช้จ่ายคืน
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อตัวแทนโจทก์จ่ายเงิน ๙,๕๙๕ เหรียญไปนั้นบริษัทขายผ้ายื่นเอกสารการส่งของลงเรือ ๔ ฉบับแต่ใน ๔ ฉบับนั้นมีเอกสาร ๒ ฉบับซึ่งมีเนื้อความเปลี่ยนแปลงไปจากคำสั่งของจำเลย คือใบตราส่งและกรมธรรม์ประกันภัย กล่าวถึงสินค้าว่า (๑๖ มัดผ้าด้ายเป็นชิ้น “มิใช่” ผ้ากากีค๊อตตอนทวิลล์” ตามคำสั่งของจำเลย เมื่อของบรรทุกเรือมาถึงกรุงเทพฯ เปิดห่อออกดูปรากฎว่า “๑๖ มัดผ้าด้ายเป็นชิ้น” นั้นเป็นเศษผ้าขี้ริ้วทั้งนั้น อนึ่งปัญหาที่ว่าประเพณีการค้าของธนาคารพานิชย์มีว่า คำบรรยายสินค้าในบัญชีสินค้าจะต้องตรงกับเครดิต ศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์มิได้แจ้งประเพณีนี้ให้จำเลยทราบ และไม่ปรากฎว่าจำเลยได้รู้ถึงประเพณีนี้ด้วยจะเอามามัดจำเลยให้นอกเหนือไปจากข้อตกลงในสัญญาหาได้ไม่ ศาลจำต้องถือตามตัวหนังสือที่ตกลงกันไว้
จึงพิพากษากลับศาลล่างทั้งสอง ให้โจทก์คืนเงินค่าวางประกัน ๔๐,๘๐๐ บ. และดอกเบี้ยให้จำเลย ส่วนเงิน ๕๐๒.๕๔ บาท ค่าบำเหน็จเปิดเครดิต ๑๕๐ บาท ค่าโทรเลขนั้นเป็นการใช้จ่ายไปแล้ว จำเลยเรียกคืนไม่ได้ ให้โจทก์เสียค่าธรรมเนียมและค่าทนาย ๓ ศาล ๘,๐๐๐ บาท แทนจำเลยด้วย.