คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1800/2499

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ได้ความว่าเจ้าอาวาสวัดอนงค์ก่อนได้ทำหนังสือมอบอำนาจในนามของวัดให้โจทก์ซึ่งเป็นไวยาวัจจกรณ์ของวัดเป็นตัวแทนเพื่อกระทำกิจการแทนหรือในนามของวัดที่จะให้เช่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของวัด ตลอดจนการฟ้องร้องและดำเนินกระบวนพิจารณาในศาล แต่เจ้าอาวาสมรณะภาพไปแล้วก่อนฟ้องคดีนี้ พระภิกษุรูปใหม่ผู้รักษาการในตำแหน่งเจ้าอาวาสยังมิได้มอบอำนาจให้โจทก์ฟ้องก็ตาม โจทก์ก็ยังมีสิทธิฟ้องคดีนี้ได้ เพราะเจ้าอาวาสองค์ก่อนได้ทำหนังสือหรือมอบอำนาจในฐานที่เป็นเจ้าอาวาาแทนวัดซึ่งเป็นนิติบุคคลหาใช่กระทำเป็นการส่วนตัวไม่ เจ้าอาวาสจะได้มรณะภาพไปแล้วการมอบอำนาจก็ยังไม่ระงับไป.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ได้รับมอบอำนาจจากวัดเทพศิรินทราวาสให้มีอำนาจให้เช่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของวัดและให้มีอำนาจฟ้องคดีในศาลได้ ตามสำเนาหนังสือมอบอำนาจท้ายฟ้องแล้ว จำเลยได้เข้าครอบครองที่ของโจทก์โดยไม่มีสิทธิเป็นการละเมิดโจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้บังคับให้จำเลยขนย้ายสิ่งของต่าง ๆ ออกไปจากที่ดินของโจทก์ และส่งมอบที่ดินคืนในสภาพอันดีให้จำเลยเสียค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ ๓๐๐ บาท ตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าจะส่งมอบที่ดินคืน
จำเลยให้การต่อสู้ว่าที่ดินแปลงนี้เป็นที่ชายคลองซึ่งเป็นที่หลวงของแผ่นดิน รัฐบาลและเทศบาลกรุงเทพฯ เป็นผู้ปกครอง สินค้าที่วางขายเป็นของนายสมัยไม่ใช่ของจำเลย ๆ ไม่ได้ละเมิดสิทธิของโจทก์ และคัดค้านว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะการมอบอำนาจมิได้เป็นไปโดยถูกต้องและไม่ชอบด้วย ก.ม.
ศาลชั้นต้นพิพากษาแล้วฟังสมฟ้องโจทก์พิพากษาให้จำเลยขนย้ายสิ่งของต่าง ๆ ของจำเลยออกไปจากที่พิพาท ให้ส่งมอบที่พิพาทคืนให้โจทก์ในสภาพอันดีและให้ใช้ค่าเสียหายอีกเดือนละ ๓๐๐ บาท ตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าจะส่งที่พิพาทคืนโจทก์
จำเลยอุทธรณ์ในปัญหาข้อ ก.ม. ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาปรึกษาคดีนี้แล้วข้อ ก.ม. ที่จำเลยคัดค้านในชั้นนี้มีเพียงข้อเดียวว่าหลงง
เทพนรินทร์โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยได้หรือไม่
ได้ความว่าสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์เจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทราวาสองค์ก่อนได้ทำหนังสือมอบอำนาจในนามของวัดให้หลวงเทพนรินทร์โจทก์ซึ่งเป็นไวยาวัจจกรณ์ของวัดเป็นตัวแทน เพื่อกระทำกิจการแทนหรือในนามของวัดที่จะให้เช่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของวัดตลอดจนการฟ้องร้องและดำเนินกระบวนพิจารณาในศาล ปรากฎตามหนังสือมอบอำนาจลงวันที่ ๓๑ พ.ค. ๙๐ แต่สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์มรณะภาพไปแล้วก่อนฟ้องคดีนี้ พระราชกวีผู้รักษาการในตำแหน่งเจ้าอาวาสองค์ใหม่ยังมิได้มอบอำนาจให้หลวงเทพนรินทร์ฟ้อง ศาลฎีกาเห็นว่าหลวงเทพนรินทร์ยังมีสิทธิฟ้องคดีนี้ได้ เพราะสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ได้ทหนังสือมอบอำนาจในฐานะที่เป็นเจ้าอาวาสแทนวัดซึ่งเป็นนิติบุคคลหาใช่กระทำเป็นการส่วนตัวไม่ แม้สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ได้มรณะภาพไปแล้ว การมอบอำนาจยังไม่ระงับไป ศาลทั้งสองวินิจฉัยชอบแล้ว จึงให้ยกฎีกาจำเลยโดยพิพากษายืน ค่าธรรมเนียมและค่าทนายความในชั้นนี้ให้เป็นพับไป

Share