คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 212/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นทายาทเพียงผู้เดียวที่มีสิทธิได้รับ ที่ดินมรดกของ ฉ. จำเลยไม่ได้ให้การต่อสู้ว่า จำเลยเป็นทายาทผู้มีสิทธิได้รับมรดกของ ฉ. หรือมีส่วนเป็นเจ้าของร่วมในที่ดิน นั้น ทั้งตามคำสั่งศาลในคดีก่อนที่ให้ตั้งโจทก์กับจำเลยเป็น ผู้จัดการมรดกของ ฉ.ร่วมกันก็มิได้วินิจฉัยว่า จำเลยเป็นทายาทผู้มีสิทธิได้รับมรดกของ ฉ.หรือมีส่วนเป็นเจ้าของร่วมในที่ดินดังกล่าว ดังนั้น ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยมีส่วนได้เสีย ในที่ดินมรดก จึงมีสิทธิได้รับส่วนแบ่งใน ที่ดิน ตามส่วนนั้น จึงเป็น การวินิจฉัยนอกประเด็นจากคำฟ้องและคำให้การ.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นน้องของนางฉลอม นิวัตรหรือเนาวภาสเมื่อนางฉลอมถึงแก่ความตาย มีโจทก์เป็นทายาทเพียงผู้เดียวที่มีสิทธิรับมรดกซึ่งเป็นที่ดิน 3 แปลง โจทก์และจำเลยเป็นผู้จัดการมรดกของนางฉลอมร่วมกันตามคำสั่งศาล แต่จำเลยไม่ยอมเปลี่ยนชื่อนางฉลอมใน น.ส.3 ของที่ดินมาเป็นชื่อโจทก์ โดยอ้างว่าเป็นทรัพย์มรดกตกได้แก่จำเลยคนเดียว ขอให้บังคับจำเลยจัดการเปลี่ยนชื่อนางฉลอมใน น.ส.3 เป็นชื่อโจทก์ หากไม่ปฏิบัติตาม ให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยให้การว่า จำเลยเคยติดต่อให้โจทก์มาจัดการมรดกในที่ดินทั้ง 3 แปลง แต่โจทก์ไม่มา โจทก์จึงเป็นฝ่ายไม่ปฏิบัติหน้าที่ของผู้จัดการมรดก ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยจัดการเปลี่ยนชื่อนางฉลอมในที่ดินตาม น.ส.3 ทั้ง 3 แปลงเป็นชื่อโจทก์เฉพาะส่วนของโจทก์เท่านั้น หากไม่ปฏิบัติตาม ให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยจัดการเปลี่ยนชื่อนางฉลอมในที่ดินตาม น.ส.3 ทั้ง 3 แปลงเป็นชื่อโจทก์ หากไม่ปฏิบัติตาม ให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นทายาทเพียงผู้เดียวของนางฉลอมที่มีสิทธิได้รับมรดกที่ดินทั้งสามแปลงตามฟ้องซึ่งเป็นทรัพย์มรดกของนางฉลอมจำเลยไม่ได้ให้การต่อสู้ว่าจำเลยเป็นทายาทผู้มีสิทธิได้รับมรดกของนางฉลอมหรือมีส่วนเป็นเจ้าของร่วมในที่ดินทั้งสามแปลงดังกล่าว และตามคำสั่งของศาลชั้นต้นกับคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ในคดีแพ่งของศาลชั้นต้นหมายเลขแดงที่ 407/2527 ที่ให้ตั้งโจทก์กับจำเลยเป็นผู้จัดการมรดกของนางฉลอมร่วมกัน ก็มิได้วินิจฉัยว่าจำเลยเป็นทายาทผู้มีสิทธิได้รับมรดกของนางฉลอม หรือมีส่วนเป็นเจ้าของร่วมในที่ดินทั้งสามแปลงตามฟ้องของโจทก์ในคดีนี้ จึงเห็นว่า ตามที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าจำเลยมีส่วนได้เสียในที่ดินตามฟ้อง โจทก์จึงมีสิทธิได้รับส่วนแบ่งในที่ดินดังกล่าวตามส่วนนั้น เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นจากคำฟ้องของโจทก์และคำให้การของจำเลย ที่ศาลอุทธรณ์ฟังว่าโจทก์เป็นผู้มีสิทธิได้รับมรดกแต่เพียงผู้เดียวตามที่โจทก์ฟ้อง ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย
พิพากษายืน.

Share