คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2064/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา173 วรรคสอง มีเจตนารมณ์ เพื่อให้จำเลยมีทนายช่วยเหลือในการต่อสู้คดีที่เป็นความผิดอุกฉกรรจ์ มีอัตราโทษจำคุกตามอัตราที่ระบุไว้แม้ก่อนเริ่มพิจารณาศาลชั้นต้นจะมิได้สอบถามจำเลยว่าต้องการทนายที่ศาลจะตั้งให้หรือไม่ก็ตาม แต่เมื่อปรากฏว่าก่อนเริ่มสืบพยานโจทก์จำเลยได้แต่งตั้งทนายเข้ามาเองพร้อมกับยื่นคำให้การปฏิเสธและทนายจำเลยได้ว่าความให้จำเลยมาตลอดย่อมไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบในการต่อสู้คดีแต่อย่างใด จึงไม่มีเหตุอันสมควรที่จะให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยใช้มือผลักหน้าอกทำร้ายร่างกายนายถิ่นเป็นเหตุให้นายถิ่นได้รับอันตรายสาหัส ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 297
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณานายถิ่น ผู้เสียหาย ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 300 จำเลยอายุ 19 ปี มีความรู้สึกผิดชอบแล้ว ไม่ลดมาตราส่วนโทษให้ ลงโทษจำคุก 6 เดือน คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยว่า ศาลชั้นต้นมิได้สอบถามจำเลยเรื่องทนายก่อนเริ่มการพิจารณา และได้ดำเนินการพิจารณาไปโดยจำเลยไม่มีทนายจึงไม่ชอบ พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาเสียให้ถูกต้อง แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 173 วรรคสอง ซึ่งบัญญัติว่า “ในคดีที่มีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงตั้งแต่สิบปีขึ้นไปแต่ไม่ถึงประหารชีวิต… ก่อนเริ่มพิจารณาให้ศาลถามจำเลยว่ามีทนายหรือไม่ ถ้าไม่มีและจำเลยต้องการทนายก็ให้ศาลตั้งทนายให้” มีเจตนารมณ์ เพื่อให้จำเลยมีทนายช่วยเหลือในการต่อสู้คดีที่เป็นความผิดอุกฉกรรจ์มีอัตราโทษจำคุกตามอัตราที่ระบุไว้คดีนี้แม้ก่อนเริ่มพิจารณาศาลชั้นต้นจะมิได้สอบถามจำเลยว่าต้องการทนายที่ศาลจะตั้งให้หรือไม่ก็ตาม แต่ปรากฏว่าก่อนเริ่มสืบพยานโจทก์ จำเลยได้แต่งตั้งทนายเข้ามาเองพร้อมกับยื่นคำให้การปฏิเสธ และทนายจำเลยได้ว่าความให้จำเลยมาตลอดย่อมไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบในการต่อสู้คดีแต่อย่างใด จึงไม่มีเหตุอันสมควรที่จะให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ให้ศาลอุทธรณ์ภาค 1พิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

Share