คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 211/2481

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่ดินมฤดก ผู้รับมฤดกต่างปกครองกันมาเป็นสัดส่วนย่อมได้ที่นั้นเป็นสิทธิกฎหมายปิดปากที่ดินมฤดก โฉนดมีชื่อเจ้ามฤดกอยู่ ผู้รับมฤดกคนอื่นย่อมให้ผู้รับมฤดกคน 1 เป็นเจ้าของผู้เดียว ถ้าผู้นั้นแสดงให้คนภายนอกหลงว่าผู้รับมฤดกอื่นเป็นเจ้าของแล้ว ย่อมปิดปากผู้รับทรัพย์นั้นมิให้เถียงคนภายนอก

ย่อยาว

เดิมโจทก์ชนะความจำเลยจึงนำยึดที่ดินโฉนดที่ ๕๐๗๐ ผู้ร้องยื่นคำร้องว่าที่รายนี้เป็นของตน
ได้ความว่าที่นารายนี้เป็นของ อ. ๆ ตายผู้ร้องกับจำเลยซึ่งเป็นบุตร์ได้รับมฤดกโฉนดยังมีชื่อ อ.อยู่จนบัดนี้
ศาลฎีกาตัดสินว่าระหว่างผู้ร้องกับจำเลยจะตกลงให้ที่นาเป็นกรรมสิทธิของผู้ใดนั้นจะยกขึ้นอ้างใช้ยันแก่บุคคลที่ ๓(โจทก์) มิได้ เพราะ ๑. ที่นารายนี้โฉนดยังมีชื่อ อ.อยู่ ผู้ร้องกับจำเลยต่างเป็นผู้รับมฤดกด้วยกัน เมื่อยังมิได้มีการเปลี่ยนแปลงแก้ทะเบียนจะฟังเป็นเด็ดขาดว่ากรรมสิทธิตกเป็นของผู้ร้องมิได้ ๒. จำเลยได้ปกครองทำนาในที่ดินส่วนหนึ่งมาตั้ง ๑๐ ปี กว่า ยังได้เคยเอาที่ดินส่วนนี้ไปประกันหนี้โจทก์แล้ว ให้โจทก์เข้าทำนาด้วย ซึ่งแสดงให้เห็นเจตนาว่าจำเลยยังถือตนว่าครอบครองในฐานะเป็นเจ้าของอยู่ ๓. ผู้ร้องรู้แล้วว่าจำเลยไปกู้เงินโจทก์และให้โจทก์เข้าทำก็ไม่คัดค้านอย่างใด ซึ่งในกรณีนี้ย่อมปิดปากผู้ร้อง ข้อโต้เถียงที่ว่าให้จำเลยอาศัยจึงฟังไม่ขึ้น จึงพิพากษากลับศาลอุทธรณ์ ที่พิพากษาให้ถอนการยึดที่นารายพิพาททั้งหมดแล้วพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นที่ให้ยกคำร้องของผู้ร้องฉะเพาะที่ดิน ๒๐ ไร่ที่จำเลยครอบครองเสีย ที่นอกนี้ให้ถอนยึดคืนผู้ร้องไป

Share