คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 132/2481

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลย 4 กระทงฐานทำร้ายร่างกาย จำคุก 3 เดือนกระทงหนึ่งฐานฉุกคร่าอนาจารจำคุก 3ปีกระทงหนึ่ง, ฐานข่มขืนชำเรา 2 กระทงจำคุก 4 ปี, รวมโทษ 7 ปี 3 เดือน ศาลอุทธรณ์แก้ให้ยกฟ้องโจทก์ฐานข่มขืนทำชำเรา 2 กระทงนั้นเสีย คงลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายและฉุดคร่า อนาจารตามศาลชั้นต้นดังนี้ จำเลยฎีกาในข้อเท็จจริงมิได้ในการทำร้ายร่างกายและฉุดคร่า

ย่อยาว

คดีนี้ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยเป็น ๔ กะทง คือฐานทำร้ายร่างกายตามกฎหมายอาญามาตรา ๒๕๔ จำคุก ๓ เดือน กระทงหนึ่งฐานชุดคร่าอนาจารตามมาตรา ๒๗๖ จำคุก ๓ ปีกระทงหนึ่ง ฐานข่มขืนกระทำชำเราตามมาตรา ๒๔๓ รวม ๒ กระทง จำคุก ๔ ปี รวมโทษทุกกะทงเป็น ๗ ปี ๓ เดือน
ศาลอุทธรณ์ให้ยกฟ้องจำเลยในฐานความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราตาม ม.๒๔๓ ๒ กระทงนั้นเสีย คงลงโทษแต่ฉะเพาะฐานทำร้ายร่างกายและฉุดคร่าอนาจาร ๒ กระทงจำคุก ๓ ปี ๓ เดือน
โจทก์จำเลยฎีกาในข้อเท็จจริง
โจทก์ฎีกาขอให้ได้ความว่าลงโทษจำเลยตามศาลเดิม จำเลยฎีกาว่าไม่ควรมีผิดเลย
ศาลฎีกาตัดสินว่าฎีกาของจำเลยเถียงข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลวิธีพิจารณาอาญา ม.๒๑๘ เพราะศาลอุทธรณ์พิพากษายืนศาลชั้นต้นให้จำคุกจำเลย ๓ ปี ๓ เดือนในความผิด ๒ กระทงนั้น แต่สำหรับฎีกาโจทก์เห็นพ้องด้วยกับศาลชั้นต้น จึงพิพากษาแก้ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยตามศาลชั้นต้น

Share